เมื่อเวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระโกศ พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยในช่วงเย็นสำนักพระราชวังได้เปลี่ยนทางเข้าสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง จากประตูมณีนพรัตน์มาเป็นประตูวิเศษไชยศรี และยุติการให้เข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว

4939

โดยประชาชนจากทั่วทุกสารทิศต่างหลั่งไหลมาสักการะพระบรมศพอย่างไม่ขาดสาย เจ้าหน้าที่ได้จัดแถวให้ประชาชนที่เข้ามาสักการะพระบรมศพเดินเรียง 4 แถวอย่างเป็นระเบียบผ่านประตูพิมานไชยศรี และยืนตั้งแถวรอหน้าบริเวณพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ก่อนเข้าสักการะพระบรมศพในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และเดินออกทางประตูเทวาภิรมย์ โดยประชาชนต่างมีสีหน้าเศร้าโศก บางคนถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ

411592%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%87_2264

นายสังข์ ทับชู อายุ 56 ปี ชาวจ.พังงา กล่าวว่า ตนเดินทางมากับรถที่ทางเทศบาลจัดไว้บริการประชาชนที่จะมาสักการะพระบรมศพ โดยมาถึงกรุงเทพฯเมื่อคืน ก่อนเดินทางมารอเข้าคิวตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันนี้ดีใจมากที่มีโอกาสมาสักการะพระบรมศพ ตนได้อธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย

นายสังข์ ทับชู อายุ 56 ปี ชาวจ.พังงา

นายสังข์ ทับชู อายุ 56 ปี ชาวจ.พังงา

“ผมรักพระองค์มาก เพราะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดี และทุ่มเทพระวรกายทรงงานหนักเพื่อประชาชน ตั้งแต่ที่ทราบว่าพระองค์สวรรคตก็ร้องไห้ทุกวัน และนำพระบรมฉายาลักษณ์มาแขวนไว้ที่คอทุกวัน ทั้งตอนทำงานและเวลาอยู่บ้าน เพื่อระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผมน้อมนำพระราชดำรัสปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต และสอนลูกหลานให้เดินตามรอยพระยุคลบาท” นายสังข์กล่าว

นางฉลวย พันทวี อายุ 78 ปี ชาวจ.นนทบุรี

นางฉลวย พันทวี อายุ 78 ปี ชาวจ.นนทบุรี

ด้านนางฉลวย พันทวี อายุ 78 ปี ชาว จ.นนทบุรี กล่าวว่า ตนเดินทางออกจากบ้านมาคนเดียว โดยนั่งรถโดยสารจากบางใหญ่มาถึงสนามหลวงเวลาประมาณ 12.00 น. ตนรักทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อประชาชน จึงตั้งใจมาสักการะพระบรมศพและอธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย

411592%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%87_1142

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักพระราชวังได้จัดเตรียมสถานที่ เพื่อรองรับกิจกรรมจัดพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ครั้งใหญ่ ในเวลา 17.00 น. วันที่ 5 พ.ย. ภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งมหาเถรสมาคมร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยมีสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม เป็นประธานในพิธี

411592%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%87_5223

สำหรับการจัดพิธีสวดมนต์ครั้งนี้มีความพิเศษจากที่เคยจัด เนื่องจากปกติจะใช้ชื่อพิธีว่า “เจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตภาวนา เพื่อถวายพระพรชัยมงคล และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” ซึ่งจัดทำในวันที่ 5 ของทุกเดือน แต่มีการปรับเปลี่ยนใหม่ ให้เหมาะสมกับงานพระราชพิธีที่ดำเนินอยู่บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จึงใช้ชื่องานว่า “พิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” และเปลี่ยนมาใช้บทสวดสำหรับงานพิธีอวมงคล จำนวน 16 บท นอกจากนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนา ได้เตรียมหนังสือบทสวดมนต์ไว้แจกจ่ายประชาชนเพิ่มจากเติม 1,000 เล่ม เป็น 5,000 เล่ม เนื่องจากคาดว่าจะมีพสกนิกรมาร่วมจำนวนมาก

4957

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำนักพระราชวังได้เตรียมพื้นที่ไว้รองรับพระสงฆ์ และประชาชนที่จะมาร่วมในพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ ประกอบด้วย ภายในพระอุโบสถวัดพระแก้วจะเป็นสถานที่นั่งสวดมนต์ของพระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่จนถึงเจ้าคณะปกครอง และพระสงฆ์จากวัดต่างๆ ซึ่งรองรับได้ราว 500 รูป

ส่วนด้านหลังพระอุโบสถเป็นพื้นที่สำรองไว้ให้สำหรับพระสงฆ์ที่ร่วมในพิธีสวดมนต์ แต่ไม่สามารถเข้ามาในพระอุโบสถได้ ซึ่งรองรับได้ประมาณ 100 รูป สำหรับประชาชนทั่วไปจัดไว้ให้ 5 จุด ได้แก่ 1.เก้าอี้นั่งบริเวณหน้าพระอุโบสถวัดพระแก้วจะเป็นของกลุ่มแขกวีไอพี 2.บริเวณรอบกำแพงแก้วของพระอุโบสถ 3.บนศาลาราย 12 จุดที่อยู่รอบวัด 4.บริเวณพระระเบียงคดชั้นที่ 1 ที่ทอดยาวรอบพระอุโบสถ ซึ่งมีการเตรียมเสื่อมาปูไว้ให้ประชาชนนั่ง เพื่อไม่ให้ปะปนกับประชาชนที่ต่อแถวเข้าสักการะพระบรมศพบนพระระเบียงคดชั้นที่ 2 และ 5.หากปริมาณประชาชนล้นจากพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้ ยังสามารถปูเสื่อให้นั่งได้บนพื้นรอบพระอุโบสถ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน