เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 7 พ.ย. ที่สน.ยานนาวา ภายหลังจากการสอบปากคำนานกว่า 5 ชั่วโมง คู่กรณีทั้งสองรายได้เดินทางออกจากห้องสอบปากคำ ก่อนที่นายกิตติศักดิ์ หรือบอย เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุได้มีรถแท็กซี่มาพุ่งชนที่ด้านท้าย ทำให้หน้ารถตนชนไปที่รถของดาราหนุ่ม ซึ่งเห็นว่ารถมินิคูเปอร์เป็นรอยเฉี่ยวนิดหน่อย จึงขับตามแท็กซี่ไป ก่อนจะได้ยินเสียงดาราหนุ่มตะโกนว่าชนแล้วหนี จึงวนรถกลับมาเพื่อจะอธิบายว่าถูกรถแท็กซี่ชนก่อน แต่เมื่อจอดรถดาราหนุ่มก็ปรี่เข้ามาตามที่ปรากฏในคลิป ซึ่งขณะที่เกิดเหตุตนไม่ได้ต่อสู้ หรือทำร้ายร่างกายดาราหนุ่ม ตนถูกต่อยรวม 7 ครั้ง จากนั้นไม่นาน ตำรวจก็เดินทางมา ให้ไปเจรจากันที่สถานีตำรวจ ซึ่งตอนแรกก็จะไม่ดำเนินคดี แต่ทางบ้านรับไม่ได้ เมื่อเห็นคลิปและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

dsc_2612

นางสุธีรากล่าวว่า ทราบเรื่องช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันเกิดเหตุ โดยตอนแรกคิดว่าเป็นอุบัติเหตุทั่วไป ซึ่งตามร่างกายของลูกชายตอนแรกแค่ใบหน้าฟกซ้ำดั้งเขียวเท่านั้นประกอบไม่ได้เห็นคลิปที่ปรากฏ อีกทั้งนายน๊อตเข้ามาพูดอย่างสุภาพและบอกว่ารักรถมาก จึงขอโทษกันไป แต่วันนี้ตอนบ่ายเมื่อเห็นคลิปก็รับไม่ได้กับการกระทำของคู่กรณีขนาดลูกชายยกมือไหว้ยังไม่ยอมหยุด ตนจึงหมดความเห็นใจ เนื่องจากดูคลิปแล้วสลดใจอย่างยิ่ง รับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีถึงที่สุดเช่นกัน

untitled-81-696x418-copy

ส่วน”น็อต”อัครณัฐ เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุตนกับเพื่อนเดินทางไปงานแต่งงาน พอมาถึงที่เกิดเหตุก็ได้ยินเสียงดังปังมาจากด้านหลังรถ ก็เลยหันไปเห็นรถจักรยานยนต์ขับออกมาจากทางท้ายรถก่อนที่จะขี่แซงออกไปทางซ้าย ทันใดนั้นตนกับเพื่อนก็ได้เปิดกระจกลงพร้อมตะโกนเรียกว่า “จอดๆอย่าหนี พี่อย่าหนี” แต่รถคู่กรณีไม่ได้จอด สักพักรถจักรยานยนต์ก็ได้จอดก่อนที่จะหันมามองตนโดยระยะค่อนข้างที่จะใกล้กัน ก่อนที่รถคู่กรณีจะวนรถกลับมาจอดที่ฝั่งตรงข้าม ตนเลยเข้าใจว่าคงเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ดีจึงตัดสินใจวิ่งไปที่ฝั่งตรงข้ามผ่ารถเมล์ และรถแท็กซี่ที่สัญจรไปมา เพื่อไปนำคนขี่ลงจากรถมาให้ได้ แต่ช่วงแรกคู่กรณีก็ไม่ได้ที่จะลงจากรถ

dsc_2647

“ในวินาทีนั้นผมคิดแต่ว่าต้องทำอะไรก็ได้เพื่อที่จะให้คนขี่จยย.ลงมา ไม่เช่นนั้นจะกลายว่าผมต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งถามว่าเหตุการณ์ที่ปรากฏในคลิปผมผิดไหม ยอมรับจากใจจริงว่าผมผิดยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ขอโทษทั้งสื่อมวลชน คุณพ่อคุณแม่ ทุกคนที่เกี่ยวข้อง คู่กรณีและครอบครัวของคู่กรณี แต่ผมไม่ใช่ว่าหลังเกิดเหตุจะไม่รับผิดชอบใดๆ แต่ก็ได้มาเจรจาตกลงกันที่สถานีตำรวจตั้งแต่วันเกิดเหตุ” ดาราหนุ่มกล่าว

น็อตกล่าวต่อว่า เมื่อมาถึงที่สถานีตำรวจก็ได้มาเจอคุณแม่ของคู่กรณี ซึ่งตนก็ได้ยกมือไหว้กราบขอโทษไปแล้ว ไม่เชื่อถามคุณแม่ก็ได้ จากนั้นก็ได้คุยกัน โดยคุณแม่ของน้องบอยก็ยอมรับว่าทางน้องบอยก็ผิด ซึ่งตนก็บอกว่าคุณแม่ผมเองก็ผิดและขอโทษที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นซึ่งทางน้องบอยก็บาดเจ็บ ส่วนรถผมเองก็เสียหายแต่ก็ซ่อมได้และมีประกัน ก็ได้ตกลงตามนี้

dsc_2672

ทั้งนี้ผมได้ถามร้อยเวรว่าหากผมแจ้งความจะมีผลต่อคู่กรณีหรือไม่ ซึ่งทางร้อยเวรก็บอกว่าอาจจะมี อีกทั้งทางน้องบอยก็ได้บอกว่าไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น ตนจึงตัดสินใจลงบันทึกประจำวันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีคู่กรณี ซึ่งได้แจ้งไปตั้งแต่คืนเกิดเหตุแล้ว อย่างไรก็ตามแต่ในความเป็นจริงถึงแม้เราจะจับมือกันที่สถานีตำรวจคุยกันต่อหน้าตำรวจว่าจะแจ้งประกันไปแบบนี้ว่าไม่มีคู่กรณี แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีไทยมุง ประชาชนจำนวนมาก ทุกคนรุมด่าผม ถามว่าสมควรไหมก็สมควรเพราะพวกเขาเหล่านั้นเห็นในมุมที่ผมทำร้ายคู่กรณี แต่คุณแม่ก็ยังบอกว่าหากเกิดอะไรขึ้นก็จะรับผิดชอบ จะช่วยแก้ข่าวเอง ซึ่งหากถามพี่ๆสื่อมวลชนว่าหากผมพูดเพียงปากเปล่าเท่านี้พี่ๆจะเชื่อไหม ผมมีหลักฐานเป็นคลิปในเหตุการณ์ที่เจรจากัน

จากนั้นดาราหนุ่มได้นำคลิปที่บันทึกในเหตุการณ์ขณะเจรจากับทางครอบครัวผู้เสียหายพร้อมกับรูปภาพสภาพความเสียหายของรถคู่ใจ รวมทั้งภาพในคืนที่เจราจา มาเปิดให้สื่อมวลชนดู โดยคลิปดังกล่าวมีความยาวประมาณ 2 นาที ซึ่งมีใจความระบุว่าทางแม่ของผู้เสียหายได้พูดว่าจะช่วยแก้ข่าว หากนักแสดงหนุ่มได้รับความเสียหาย ตามที่นักแสดงหนุ่มกล่าวอ้างจริง

หลังจากเปิดคลิปยืนยัน ดาราหนุ่มกล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า วันนี้มีคนบุกมาปาไข่ที่ร้านผม ที่บ้านผม ครอบครัว พ่อแม่ผมโดนหมด ร้านอาหารผมก็โดน ผมถามว่าคนเหล่านั้นทำอะไรผิด พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้อง ผมต่างหากที่ทำผิด ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาผมเป็นคนมีความรับผิดชอบ ผมไม่เคยหนีไปไหนและไม่มีความจำเป็นที่ต้องหนีไปไหน ผมไม่ได้มาสร้างภาพเป็นคนดี ทุกอย่างอยู่ที่ใจของผม ผมตั้งใจทำมันออกมา แต่การกระทำแค่ 1 นาทีครึ่งนั้น อย่าเอาเรื่องนี้มาตัดสินผมเลย ซึ่งหากถามว่าทำไมผมต้องให้น้องบอยกราบรถ ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเขาจะมีมีดมีปืนอะไรหรือเปล่า แต่ผมก็กลัว ตอนนั้นผมคิดว่าน้องต้องขอโทษ แต่น้องบอยก็ไม่ได้ขอโทษ วินาทีนั้นคิดว่าไม่ขอโทษผมไม่เป็นไร ขอโทษรถผมก็ได้ ผมก็บอกให้เขากราบ ผมผิดที่ผมใช้อารมณ์

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าตอนนั้นน้องเขาขอโทษแล้วทำไมต้องทำร้ายร่างกายด้วย ดาราหนุ่มกล่าวว่า ใช่ น้องเขาขอโทษ แต่ตอนนั้นมันเร็วมาก ดอกสุดท้ายนั้นไม่ทันจริงๆ ตอนนี้ผมบอกได้เลยว่าผมขอโทษครับกับน้องบอย คุณแม่สุธีรา และญาติๆ ผมขอโทษที่ทำให้น้องเจ็บ ผมจะรับผิดชอบและจะดูแลเรื่องนี้ตราบเท่าที่ผมจะทำได้ แต่ผมขอร้องนะครับ การพิมพ์ข้อความของพวกคุณ มันบั่นทอนจิตใจของผม แต่ไม่เป็นไร แต่อย่าทำร้ายคนอื่น เพราะพวกเขาไม่เกี่ยว อย่าตัดสินผมแค่ 1 นาทีครึ่งแล้วมาทำร้ายครอบครัวผม หากถามว่ามันรุนแรงถึงขนาดนั้นหรือ ผมเองมีความฝันบ้านผมไม่ได้ร่ำรวยอะไร ผมผิดหรือที่ปกป้องความฝันผม

นายอดุล ทินะพงศ์ ทนายความส่วนตัว กล่าวว่า ในวันนี้ก็เข้ามาให้ปากคำตามข้อเท็จจริง ซึ่งอยากจะขอความเป็นธรรมกับทางลูกความว่าให้ดูทรัพย์สินที่เสียหายดูร่องรอยไฟท้ายรถก่อนครับว่าเสียหายมั้ย ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรักและหวงทรัพย์สิน ผมถามกลับว่าหากนักข่าวโดนคนหยิบมือถือแล้วปาทิ้ง จะรู้สึกอย่างไร อย่าบอกว่าไม่โกรธนะครับ ถ้าไม่โกรธ ผมขอมือถือมาปาหน่อยครับ ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ถามว่าการที่ทรัพย์สินเสียหายก็ไม่จำเป็นต้องไปทำร้ายกัน ซึ่งดาราหนุ่มได้พูดเสริมว่าก็เป็นการปกป้องสิทธิ์ของผมที่ทรัพย์สินเสียหาย อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการแถลงข่าวดาราหนุ่มก็ได้เดินไปยกมือไหว้นางสุธีรา แม่ของบอย เพื่อขอโทษอีกครั้ง และได้พูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจ ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน