เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 7 พ.ย. ร.อ.ม.จ.นวพรรษ์ ยุคล ทรงเป็นประธานบำเพ็ญพระราชกุศล สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งดำเนินเป็นวันที่ 25 โดยทรงถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร และวัดอนงคารามวรวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 6 พ.ย.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันที่ 10 ที่มีพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระโกศ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีพสกนิกรจำนวนมาก เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ ในเวลา 05.00 น. จากนั้นเปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันนี้มีพสกนิกรเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อมารอถวายสักการะพระบรมศพโดยต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยพสกนิกรที่มาต่างเตรียมตัวในการเข้าถวายสักการะบางคนนำร่ม ยารักษาโรค ยาดม ติดตัวมาด้วย ซึ่งทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
ด้าน นางเบญจา ทองแกมแก้ว อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้าง ชาวบ้าน ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง จ.สตูล กล่าวว่า วันนี้มีโอกาสมากราบถวายสักการะพระบรมศพครั้งสุดท้าย รู้สึกดีใจมาก และรู้สึกตื้นตัน เป็นบุญที่ได้เกิดบนแผ่นดินของพระองค์ท่าน ชีวิตนี้ไม่อาจลืมได้ พระองค์ทำประโยชน์ให้ประชาชนมากมาย สอนให้คนไทยรักกัน ไม่มีสิ่งใดที่ตนจะตอบแทนพระองค์ได้ นอกจากเป็นคนดีทำวันนี้ให้ดีที่สุด และก็จะขอน้อมนำคำสอนของพระองค์มาใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงอบรมสั่งสอนลูกให้รู้จักขยันหมั่นเพียร และพอเพียงเลี้ยงตนเองได้ไม่เป็นภาระของผู้อื่น ทั้งนี้ สำหรับวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ก็จะพยายามทำงานเก็บเงิน เพื่อหาโอกาสเดินทางมาร่วมอีกครั้ง
นางเบญจา ทองแกมแก้ว อายุ 48 ปี ชาว จ.สตูล และเพื่อนบ้าน
ขณะที่ นายวรนภาฤทธิ์ พรเนียน อายุ 22 ปี นักเผยแผ่ศาสนาคริสต์ กล่าวภายหลังเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ ว่า ตนมีความเคารพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาก เนื่องจากหลักคำสอนของพระองค์ใกล้เคียงกับคำสอนของศาสนาคริสต์มาก คือสอนให้คนมีความพอเพียง พึ่งพาตนเองได้ และทรงเป็นแบบอย่างในเรื่องการแบ่งปัน มีจิตกุศล และทรงเป็นผู้นำที่ดีทำให้หลายประเทศทั่วโลกรู้จักประเทศไทย โชคดีที่ตนได้เกิดเป็นคนไทย และทันในสมัยรัชกาลที่ 9
นายวรนภาฤทธิ์ (ซ้ายสุด) นายวีเฟอร์ (ที่2จากซ้าย)
ด้าน นายวีเฟอร์ อายุ 20 ปี นักเผยแผ่ศาสนาคริสต์ กล่าวว่า ขอให้กำลังใจคนไทย ตนอาจจะไม่เข้าใจในประเพณีไทย และในเวลาที่คนไทยรู้สึกเสียใจมากนัก แต่ตนรู้สึกได้ว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เปรียบเหมือนหัวหน้าหรือผู้นำที่ดีที่สุดในโลก ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดของทุกคน
นางสาคร ศิริชนะ อายุ 42 ปี พสกนิกรจาก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เดินทางมากับกลุ่มกองศีรษะอโศก กองทัพธรรมจำนวน 30 คน เล่าด้วยความรู้สึกตื้นตันใจหลังจากขึ้นไปถวายสักการะพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทว่า เมื่อตนและคณะเดินทางมาร่วมทำกิจกรรมหลังออกพรรษา ในงานมหาปวารณาที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นกิจกรรมประจำปีเสร็จเรียบร้อยก็ตั้งใจพากันมาถวายสักการะพระบรมศพ โดยออกเดินทางจากจังหวัดนครปฐมตั้งแต่เวลา 03.00 น. เพื่อให้มาถึงสนามหลวงเวลา 04.00 น. และได้เข้ามาถวายสักการะพระบรมศพเป็นกลุ่มแรก ตอนเวลา 05.00 น. ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหรือท้อ ตื้นตันใจที่ได้แสดงความรักความอาลัยต่อพระองค์ท่าน
“เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สวรรคต ก็เหมือนเราสูญเสียอะไรสักอย่างที่เป็นเสาหลักของประชาชนไป เป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต ดังนั้นพวกเราจึงตั้งใจกันทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลให้พระองค์ท่านในรูปแบบของเรา เช่น ถือศีล 5 และถือศีล 8 สวดมนต์ทุกๆ วัน จนกว่าจะครบ 100 วัน และเนื่องจากกองทัพธรรมเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ เราจึงปรุงอาหารไปแจกจ่ายให้ตามชุมชนต่างๆ นอกจากนี้ จะมีโครงการปลูกผักและผลไม้ปลอดสารพิษส่งเข้ามาเพื่อให้ประชาชนได้กินของไร้สารเคมีอีกด้วย” นางสาคร กล่าว
นายจิรายุ มาสมบูรณ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวในฐานะเด็กรุ่นใหม่ ว่า แม้จะเป็นเด็กรุ่นใหม่ ก็ยังเห็นว่าท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณกับปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ ตนเรียนมาจากโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา 3 ซึ่งได้รับฟังพระบรมราโชวาทในทุกวัน ทั้งในห้องเรียน ทั้งจากคำกล่าวของคุณครูทำให้เกิดการสั่งสมมาตั้งแต่เด็กในเรื่องของคำสอนและพระบรมราโชวาทของในหลวงร.9 แล้วผมก็นำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในสวนขนาดย่อมของตนเอง เป็นการปลูกพืชแบบผสมผสาน ทำให้เรามีกินหลายๆ อย่าง
นายจิรายุ มาสมบูรณ์ พร้อมพี่สาว
เวลา 11.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในพระบรมมหาราชวังมีฝนตกโปรยปรายมาอย่างหนัก แต่ยังคงมีพสกนิกรต่อแถวอย่างเป็นระเบียบ เพื่อให้ได้สักการะพระบรมศพ โดยประชาชนส่วนใหญ่ได้พกร่มและเสื้อกันฝนติดตัวมาด้วย พร้อมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับผู้ที่อยู่ข้างๆ ที่เดินทางด้วยแรงศรัทธามาถวายสักการะพระบรมศพในวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร รด. และอาสากู้ภัย ยังตั้งจุดคัดกรองตามประตูทางเข้ารอบพื้นที่พระบรมมหาราชวังและท้องสนามหลวง 8 จุด เพื่อตรวจกระเป๋าของบุคคลที่มาในพื้นที่อย่างเข้มงวดพร้อมตรวจบัตรประชาชน รวมทั้งหนังสือเดินทางผู้ที่จะเข้ามาภายในบริเวณโดยพระบรมมหาราชวังด้วย พร้อมทั้งมีตำรวจม้า และสุนัขตำรวจเดินลาดตระเวนรอบพระบรมมหาราชวัง เพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัย
ส่วนโดยรอบท้องสนามหลวง มีเต็นท์แจกอาหาร เครื่องดื่ม ยาดม และจุดชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือฟรี จากทั้งหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน มาคอยให้บริการ ขณะเดียวกันมีจิตอาสาคอยเดินเก็บขยะรอบท้องสนามหลวง พร้อมกันนี้มีอาสาสนามหลวง ที่มีความสามารถด้านภาษา มาคอยให้คำแนะนำนักท่องเที่ยว ที่อยู่ในบริเวณพระบรมมหาราชวัง เกี่ยวกับระเบียบวิธีการแต่งกาย ก่อนเข้าไปในวัดพระแก้ว
ด.ญ.พุฒิภรณ์ เรืองธนันต์รักษ์ หรือ น้องออกัส อายุ 6 ขวบ นักเรียนโรงเรียนสารสาสน์ เล่าว่า หนูมากับคุณพ่อและคุณแม่ ตื่นมาเเต่งตัวตั้งเเต่ตี 4 เเละออกเดินทางมาถึงท้องสนามหลวง ตอนตี 5 เพื่อมารอต่อเเถวเข้าไปกราบพระบรมศพ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เมื่อได้เข้าไปอยู่ในพระราชวังเเล้ว รู้สึกตื่นเต้น เเละดีใจที่ได้มีโอกาสมาในครั้งนี้ แม้หนูจะเป็นเด็ก แต่ก็จะขอนำหลักคำสอนของในหลวง เรื่องหลักเศรษฐกิจพอเพียง ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะคุณเเม่ก็สอนเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะเรื่องการใช้เงินอย่างประหยัด ไม่ใช้เงินเกินตัวของเรา
ด.ญ.พุฒิภรณ์ เรืองธนันต์รักษ์ หรือ น้องออกัส อายุ 6 ขวบ
ด.ช.ศุภชัย ปิ่นชัย หรือน้องชัย อายุ 11 ปี อยู่โรงเรียนมานะศึกษา จ.ยะลา ชั้นป.6 ที่เดินทางมาพร้อมกับนางวัลภา ปิ่นชัย คุณแม่ผู้พิการและเป็นนักแบตมินตันประจำจ.ยะลา กล่าวว่า ตนนั่งรถทัวร์ของทางอ.รามัญ ที่จัดมาให้คนในชุมชนมาถวายความอาลัยพระองค์ท่าน โดยรถออกตั้งแต่ 11.00 น. ของเมื่อวาน กระทั่งถึงบริเวณพระบรมมหาราชวังประมาณ 05.00 น. จากนั้นตนจึงพาคุณแม่พิการที่นั่งเข็นเข้าไปในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อถวายความอาลัยพระองค์ท่าน
ด.ช.ศุภชัย ปิ่นชัย อายุ 11 ปี กับนางวัลภา ปิ่นชัย คุณแม่ผู้พิการ
ด.ช.ศุภชัย กล่าวต่อว่า เป็นครั้งแรกที่มากราบพระองค์ท่าน ถึงแม้ไม่ได้เข้าไปข้างใน ได้อยู่แต่ด้านล่าง เพราะคุณแม่พิการเดินไม่ได้ ต้องอยู่คอยช่วยเหลือคุณแม่ ตนก็ยังรู้สึกเศร้าและซึ้งใจมาก แต่ดีใจที่ได้มากราบพระองค์ท่าน
น.ส.จิราพัชร นิลน้ำเพชร อายุ 19 ปี
“ผมได้รู้จักในหลวงผ่านทางโทรทัศน์ และคุณแม่เล่าเรื่องราวในหลวงให้ฟังเยอะ เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจโครงการต่างๆ ผมจึงรู้ว่าในหลวงเหนื่อยแค่ไหน รวมถึงคุณแม่ตอนเด็กก็ยังได้กราบในหลวง เพราะในหลวงเสด็จมาตามที่ชนบท และที่ชุมชนซาเมาะ บ้านผมยังมีฟาร์มตัวอย่างเศรษฐกิจพอเพียง เกี่ยวกับการปลูกผักเลี้ยงสัตว์ จากนี้ไปก็จำนำเรื่องความพอเพียงมาใช้ในการดำรงชีวิตต่อไป จะอดออม ได้เงินมาโรงเรียนวันละ 40 บาท ก็จะเก็บเงินครึ่งหนึ่ง นำเงิน 20 บาทมาหยอดกระปุกทุกวัน” ด.ช.ศุภชัย กล่าว
ขณะที่ น.ส.จิราพัชร นิลน้ำเพชร อายุ 19 ปี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาโยธา มหาวิทยาลัยเอเชียอคาเนย์ ชั้นปีที่ 1 กล่าวว่า ตนบ้านอยู่จ.นครปฐม ออกจากบ้านตั้งแต่ 04.00 น. นั่งรถประจำทางเข้ากทม. เพื่อเดินทางมาถวายความอาลัยกับแม่ และญาติ 2 คน โดยถึงบริเวณพระบรมมหาราชวังเมื่อ 05.30 น. และรอต่อแถว กระทั่ง 10.00 น. ถึงเข้าไปถวายความอาลัยพระองค์ท่าน เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ได้มาหาพระองค์ท่าน ครั้งแรกเข้าไปลงนามแสดงความอาลัยกับพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์ท่าน แต่ครั้งนี้ได้เข้าไปถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และอยู่ใกล้ชิดพระบรมโกศพระองค์ ความรู้สึกจึงแตกต่างออกไป ครั้งนี้รู้สึกตื่นเต้น ไม่คิดว่าจะได้มา พอได้กราบน้ำตาก็ไหล และขนลุก อยากนั่งอยู่อีกสักพัก เพื่อได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านนานๆ
“คำสอนของพระองค์ท่าน หนูได้ยินและรับรู้มาตลอด ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่ว่าจะผ่านทางครอบครัว โรงเรียน และมหาลัย ทุกสถาบันต่างหล่อหลอมให้หนูรู้ว่าพระองค์ท่านมีพระราชกรณียกิจเยอะมาก ตอนเด็กที่โรงเรียนจะวาดรูปพระองค์ท่าน พอโตมามหาลัยจะมีรายงานเกี่ยวกับพระองค์ท่านให้ทำ ทุกอย่างจึงปลูกฝังหนูมาว่าพระองค์ท่านดีแค่ไหน จากนี้ไปจะนำแนวทางคำสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน หนูจะประหยัด และจะเป็นคนมีเหตุผลให้มากขึ้น ส่วนด้านการเรียนหนูก็จะตั้งใจเรียนและทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด” น.ส.จิราพัชร กล่าว
