เมื่อเวลา 07.00 น. เมื่อวันที่ 9 พ.ย. พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล ทรงเป็นประธานบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินเป็นวันที่ 27 จากนั้นทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย หน้าพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงกราบ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร แล้วถวายภัตตาหารแด่พระพิธีธรรม จากวัดบวรนิเวศวิหาร และวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร จำนวน 8 รูป ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่เวลา 05.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นวันที่ 12 ที่มีพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาเฝ้ารอต่อคิว เพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งในวันนี้เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ ในเวลา 05.00 น. จากนั้นเปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ได้ตามปกติ
พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพ ทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจหลายคนเมื่อเข้าไปกราบพระบรมศพแล้วถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ร่ำไห้ออกมาด้วยความเสียใจ และเมื่อเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
ด้านคณะลูกศิษย์หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ วัดสังฆทาน บ้านบางไผ่น้อย ต.บางไผ่ อ.เมือง จ. นนทบุรี นำข้าวสารสายพันธุ์พระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดช มาแจกจ่ายแก่ประชาชนที่ด้านหน้าประตูเทวาภิรมย์ ซึ่งเป็นประตูทางออกของพสกนิกรภายหลังจากเข้าสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีข้าว 5 อย่าง ได้แก่ ข้าวขาว ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวหอมมะลิ และข้าวหอมปทุม ใส่มาในถุงขนาดเล็ก โดยมีเหรียญบาทในหลวงร.9 ติดอยู่ด้านหน้าถุง เพื่อแสดงความระลึกถึงพระองค์ท่าน โดยนำมาแจกจ่ายจำนวน 999 ชิ้น
น.ส.พัชรินทร์ มลิดล อายุ 45 ปี เปิดเผยว่า การที่นำข้าวสารจากสายพันธุ์ในพระองค์ท่านมาแจกจ่ายนั้น เพราะอยากให้ทุกคนมาดูแลเรื่องข้าว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของคนไทย ในหลวงร.9 ทรงทำเรื่องนี้มานาน แต่ทุกวันนี้ชาวนามีแต่หนี้ ข้าวที่นำมาเป็นข้าวเกษตรอินทรีย์ อยากให้ประชาชนเห็นประโยชน์ และสนับสนุนข้าวสายพันธุ์ในหลวงร.9 ซึ่งจำหน่ายในโครงการในพระราชดำริต่างๆ โดยรายได้เมื่อเข้าสู่สำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พระองค์พระราชทานให้โรงพยาบาลสงฆ์ เดือนละ 1 แสนบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยและซื้ออุปกรณ์การแพทย์ และยังช่วยเหลือในหน่วยงานอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้ ตั้งใจจะนำมาอีกเพื่อให้ครบ 9,999 ชิ้น ในวันถัดไป
ขณะที่ ร.ต.ชาญ ขำเมือง อายุ 69 ปี อดีตทหารรักษาความปลอดภัย 17 รามอินทรา หลังเกษียณราชการผันตัวเป็นชาวนาและเกษตรกร โดยเป็นส่วนหนึ่งที่นำข้าวสายพันธุ์พระราชทานมาแจกจ่ายด้วย เปิดเผยว่า ข้าวที่นำมาได้แจกจ่ายมาจากโรงสีพระราชทานสหกรณ์ถาวรพัฒนา โดยเมื่อก่อนครอบครัวมีที่นาให้เช่า แต่เมื่อเกษียณอยากทำนาเอง เพราะได้แรงบันดาลใจจากการทำเกษตรย์อินทรีย์ของในหลวงร.9 จึงเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์จากหนังสือ แล้วมาลงมือปฏิบัติ รวมถึงเคยได้รับพันธุ์ข้าวพระราชทานเมื่อวันพืชมงคล จึงนำมาเป็นขวัญและกำลังใจ โดยยึดหลักทำเกษตรย์อินทรีย์ และใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงตามหลักของพระองค์ ชีวิตตนเองและครอบครัวดีขึ้น มีกินมีใช้และมีเงินออม รวมถึงมีสุขภาพดีขึ้น เพราะได้อยู่กับธรรมชาติที่ไร้สารเคมี
น.ส.พัชรินทร์ มลิดล อายุ 45 ปี
