ตำรวจไซเบอร์ นำกำลังบุกรวบเครือข่าย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็น สคบ. หลอกข้าราชการหญิงระดับสูง สังกัดกระทรวงยุติธรรม สูญกว่า 7 แสนบาท
วันที่ 10 ก.ค.2567 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พร้อมด้วย พ.ต.อ.อรุณณพันธ์ วานิช์ชานันท์ ผกก.4 บก.สอท.3 นำกำลังพร้อมหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม เข้าจับกุมตัวน.ส.อังคณา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี และ นายชาญชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี
ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
และร่วมกันเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน, สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน”
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา มีมิจฉาชีพโทรหาทางผู้เสียหายเป็นข้าราชการหญิงระดับสูง สังกัดกระทรวงยุติธรรม โดยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
อ้างว่าผู้เสียหายได้นำบัตรประจำตัวประชาชนไปเปิดซิมการ์ดและบัญชีธนาคาร โดยข้อมูลส่วนตัว ถูกนำไปเปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจหลอกขายผลิตภัณฑ์ยาลดน้ำหนัก ทำให้มีผู้ร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก โดยมิจฉาชีพแจ้งว่าผู้เสียหายต้องไปยืนยันตน
และปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ตั้งอยู่ในพื้นที่ กทม. ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและเกิดความกลัว ขณะนั้นผู้เสียหายพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.มหาสารคาม ทำให้ไม่สะดวกเดินทาง มิจฉาชีพจึงแนะนำให้ผู้เสียหายทำการยืนยันตัวตนผ่านช่องทางไลน์แทน
ต่อมาคนร้ายได้โอนสายให้สนทนากับบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจชื่อ ร.ต.อ.มนูญ สังกัด บก.ปคบ. จากนั้นให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนกับบัญชีไลน์ชื่อ “กองกำกับการปราบปรามการกระทำความผิดผู้บริโภค” แล้วได้แชทสนทนากับบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็น พ.ต.ท.ธีรภพ สังกัด บก.ปคบ.
โดย พ.ต.ท.ธีรภพ แจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนพัวพันกับคดีฟอกเงิน จึงต้องโอนเงินให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. จากนั้นได้ให้ให้ผู้เสียหายวิดีโอคอลคุยกับมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จาก ปปง. ผ่านทางวิดีโอคอล โดยเจ้าหน้าที่ปลอมดังล่าวแจ้งว่าต้องมีการอายัดบัญชีธนาคารของผู้เสียหายจนกว่าจะทำการตรวจสอบทรัพย์สินเสร็จสิ้น
โดยมิจฉาชีพให้ทางผู้เสียหายติดตั้งแอปพลิเคชันชื่อ “AMLO” ที่ดาวน์โหลดผ่านทาง Google Chrome เมื่อติดตั้งสำเร็จ ได้ให้ผู้เสียหายกรอกข้อมูลและทำตามขั้นตอนต่าง ๆ ตามที่แจ้ง
สุดท้ายมิจฉาชีพได้ส่งหมายเลขบัญชีธนาคารให้ผู้เสียหายโอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร เพื่อให้ส่งมาตรวจสอบ โดยทางผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินให้แก่คนร้ายจำนวน 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน จำนวนกว่า 600,000 บาท
จากนั้นมิจฉาชีพได้ขอให้ผู้เสียหายตรวจสอบแอปพลิเคชันบัตรสินเชื่อของธนาคารหนึ่งที่ติดตั้งอยู่ในโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย แล้วหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินออกจากแอปดังกล่าวเข้าบัญชีธนาคารผู้เสียหายเองอีก 3 ครั้ง รวม 70,000 บาท โดยมิจฉาชีพหลอกให้ผู้เสียหายโดยเงินรวมทั้งหมดกว่า 700,000 บาท ก่อนรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.สอท.3 เพื่อดำเนินคดีกับคนร้าย
ต่อมาตำรวจชุดสืบสวน กก.4 บก.สอท.3 ทำการสืบสวนจนทราบว่า น.ส.อังคณา และนายชาญชัย เป็นผู้ร่วมขบวนการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ
โดยติดตามจับกุมตัว น.ส.อังคณา ได้ในพื้นที่หมู่ 15 ต.สระขวัญ อ.เมือง จ.สระแก้ว และติดตามจับกุมตัวนายชาญชัยได้ในพื้นที่หมู่ 10 ต.สระขวัญ อ.เมือง จ.สระแก้ว โดยทั้งสองให้การรับสารภาพ ก่อนควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป