เปิดรายละเอียด ดิจิทัลวอลเล็ต ใช้ซื้อสินค้าอะไรไม่ได้บ้าง คุณสมบัติผู้มีสิทธิ เผย ร้านค้าต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการอย่างไร แลกเป็นเงินสดได้หรือไม่

วันที่ 11 ก.ค.2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒ์ รมช.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล หรือ ดิจิทัลวอลเล็ต ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมที่จะนำเสนอคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 15 ก.ค.นี้ รวมทั้งการแถลงใหญ่ในวันที่ 24 ก.ค.นี้ โดยนายกรัฐมนตรี และเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 ก.ค.

สำหรับรายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะแถลงในวันที่ 24 ก.ค.นั้น อาทิ ไทม์ไลน์เรื่องของการยืนยันตัวตน KYC หรือ Know Your Customer และการลงทะเบียน ทั้งส่วนของประชาชน และร้านค้าเป็น KYM หรือ Know Your Merchant

ทั้งนี้ ระบบของแอปพลิเคชัน ทางรัฐ สามารถเข้าไปทำ KYC ล่วงหน้าได้แล้ว ซึ่งมีประชาชนเข้าไปดำเนินการแล้วกว่าล้านคน ส่วนเรื่องระบบการใช้จ่ายต่าง ๆ ยืนยันว่าแล้วเสร็จทันตามกำหนด เพราะฉะนั้นยืนยันว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะเริ่มใช้จ่ายในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ตามกำหนดเดิม

สำหรับเรื่องสำคัญในการประชุมครั้งนี้คือ กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ จัดทำข้อเสนอเรื่องแหล่งเงินในโครงการใหม่ เพื่อให้ไม่เป็นการตั้งงบประมาณที่มากเกินความจำเป็น จึงเสนอให้เตรียมวงเงินไว้ 90 % ของวงเงิน 5 แสนล้านบาท หรือ 4.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็น

  • 1.งบประมาณปี 2567 จำนวน 1.65 แสนล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท และงบประมาณจากการการบริหารจัดการในปีงบ 2567 อีก 4.3 หมื่นล้านบาท
  • 2.งบประมาณปี 2568 จำนวน 2.85 แสนล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณที่จัดสรรให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตไว้แล้ว 152,700 ล้านบาท และที่บริหารจัดการเพิ่มเติมในปีงบ 2568 อีก 132,300 ล้านบาท

“ยืนยันว่ากลุ่มเป้าหมายตามโครงการยังคงเท่าเดิมคือ 50 ล้านคน แต่ที่เตรียมเงินไว้เพียง 4.5 แสนล้านบาท เป็นไปเพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการใช้งบประมาณในโครงการพัฒนาด้านอื่น ๆ

และที่ผ่านมาโครงการรัฐจะมีประชาชนเข้ามาไม่ครบทั้ง 100% แต่จะเข้ามา 80-90% เท่านั้น อย่างไรก็ดี ต้องมีการสรุปยอดผู้ลงทะเบียนจริงในช่วงปิดรับลงทะเบียน ราวสิ้นเดือนก.ย.2567 นี้ รัฐบาลก็จะเตรียมวงเงินตามจำนวนผู้ลงทะเบียนจริงได้ครบ 10,000 บาททุกคนแน่นอน” นายจุลพันธ์ กล่าว

ข้อเสนอเรื่องแหล่งเงิน 4.5 แสนล้านบาทดังกล่าว ยังไม่ใช่ข้อสรุป เนื่องจากต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการชุดใหญ่อีกครั้ง ส่วนกรณีแหล่งเงินจาก ธ.ก.ส.ยังไม่ตัดทิ้ง ยังคงเป็นทางเลือกอยู่ หากมีคนลงทะเบียนถึง 50 ล้านคนจริง ยังเป็นแหล่งเงินตัวเลือกที่นำมาใช้ได้

อย่างไรก็ดี เวลาได้ผ่านมาระดับหนึ่ง พอมาถึงวันนี้ ก็ทำให้มองเห็นงบประมาณชัดเจนขึ้น อาทิ งบปี 2567 ก็เห็นมีเงินที่ยังเหลือเท่าไหร่ และดูแล้วว่าสามารถบริหารจัดการได้โดยใช้แค่เงินในกรอบงบประมาณ ก็เลยจัดทำขึ้นเป็นข้อเสนอนี้

คุณสมบัติ

  • ต้องเป็นคนสัญชาติไทย อายุ 16 ปีบริบูรณ์ ภายในวันที่ 30 ก.ย.2567
  • มีเงินฝากนับรวมเงินฝากสกุลเงินบาททุกบัญชี ไม่เกิน 500,000 บาท นับถึงวันที่ 31 มี.ค.2567 โดยไม่นับรวมสลากออมทรัพย์ สลากออมสิน
  • มีรายได้ไม่เกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี หรือไม่เกิน 70,000 บาทต่อเดือน เก็บข้อมูลจากกรมสรรพากร ณ วันที่ 31 ธ.ค.2566

สำหรับกระบวนการใช้จ่าย แบ่งเป็น 2 รอบ

  • รอบที่ 1 จากประชาชนไปสู่ร้านค้าขนาดเล็ก ระดับร้านสะดวกซื้อลงไป และเป็นร้านค้าที่อยู่ในอำเภอตามทะเบียนบ้านของผู้ได้รับสิทธิ เพิ่มเติมคือรายการสินค้าที่ไม่ร่วมโครงการ คือ ไม่ให้ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด
  • รอบที่ 2 จากร้านค้าไปสู้ร้านค้า ปลดล็อกแค่ไม่กำหนดขนาดร้านค้า และไม่กำหนดพื้นที่

นอกจากนี้ ร้านค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น จะต้องลงทะเบียนด้วยเบอร์มือถือที่เป็นลงทะเบียนแบบรายเดือนแล้วเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ใช้เบอร์ของซิมเติมเงิน เนื่องจากต้องการให้ตรวจสอบได้ ขณะที่เรื่องของการแลกเป็นเงินสด (cash out) ยังคงเหมือนเดิมคือ ต้องเป็นร้านค้าที่จดทะเบียน ในระบบภาษีกับกรมสรรพากรเท่านั้น

“ส่วนผลของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตต่อเศรษฐกิจนั้น คาดว่ายังไม่มีผลทันทีในช่วงปี 2567 เพราะมีช่วงเวลาที่ใช้จ่ายในโครงการน้อย แค่ช่วงปลายปีเท่านั้น คาดว่าจะเห็นผลชัดเจนได้ในปี 2568 อย่างมีนัยสำคัญ

ขณะเดียวกันรัฐบาล ยืนยันว่าได้มีการเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกหลายโครงการ แต่คงไม่ใช่โครงการเกี่ยวกับการกระตุ้นการบริโภคแล้ว แต่จะไปดูในเรื่องการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ” นายจุลพันธ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน