เสี่ยห้องเย็น สุดทน เมียนอกใจแล้วนอกใจอีก จับคาหนังคาเขา พาชู้คนที่ 5 เล่นจ้ำจี้ถึงเรือนหอ แฉ ชู้ 4 คนก่อนหน้าเป็นบิ๊กตำรวจ ผวา ถูกขู่เอาชีวิต หลังฟ้องหย่า
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ต.ค.2567 ที่สำนักงานเพจสายไหมต้องรอด เสี่ยห้องเย็น เข้าขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กรณีจับได้ว่าภรรยาแอบพาชายชู้เข้ามามีสัมพันธ์ภายในบ้าน
ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นเรือนหอที่เตรียมแต่งงานกับภรรยาคนนี้ ซึ่งถือเป็นชายชู้คนที่ 5 ที่จับได้และยิ่งไปกว่านั้น ชู้ 4 คนก่อนหน้านี้เป็นข้าราชการตำรวจระดับสูง ตอนนี้ถูกข่มขู่จะเอาถึงชีวิต จึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เลยตัดสินใจนำเรื่องราวมาร้องเรียนเพจสายไหมต้องรอด
เสี่ยเอ อายุ 45 ปี กล่าวว่า ภรรยาคนนี้ อายุ 35 ปี อยู่กินมาได้ 10 กว่าปี และเพิ่งจดทะเบียนสมรสเมื่อปี 2564 ตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็จับได้โดยตลอดว่าภรรยาแอบมีชู้ มาโดยตลอด โดยคนแรกเริ่มจับได้ตั้งแต่ 2-3 ปีแรกที่คบกัน ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสูง ระดับผู้กำกับแถบเหนือ จับได้ผ่านทางแชทและมีคนมาบอก
เสี่ยเอ กล่าวต่อว่า แต่ภรรยาอ้างว่า นับถือเป็นพ่อลูกบุญธรรมกัน (คนที่2) ประมาณปี 2561 เป็นข้าราชการตำรวจระดับสูงขั้นรองผู้กำกับที่โรงพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.พิษณุโลก จับได้ว่าแอบแชทคุยกันแล้วไปหาที่เขาค้อด้วยกัน และใช้คำสรรพนามผัวเมียด้วยกัน
(คนที่ 3) ประมาณปี 2563 ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจระดับสูงแถวประจวบคีรีขันธ์ จับได้ว่าแอบแชทไปเที่ยวทะเลหัวหินด้วยกัน (คนที่ 4) ประมาณปี 2565 ก็เป็นข้าราชการตำรวจสังกัดทางหลวง ซึ่งคนนี้เขาอ้างว่าเป็นเพื่อนกัน และพามาเจอเสี่ย เสี่ยก็เข้าใจว่าเป็นเพื่อน จนพบแชทว่ามีการนัดไปเจอกันที่เขาค้อ
โดย 4 ครั้งที่ผ่านมานั้น ภรรยาปฏิเสธว่า ไม่ได้คบชู้กันและเนื่องจากตนไม่สามารถจับได้คาหนังคาเขาทั้ง 4 รายก่อนหน้านี้ เลยมองว่าเป็นเรื่องอดีตที่ผ่านไปแล้วและให้อภัยกัน ยอมรับว่าตอนนั้นให้อภัยไปเพราะด้วยความรัก แต่ตนก็ยังไม่เชื่อใจและคอยเฝ้าจับตาดูภรรยามาโดยตลอด
กระทั่งล่าสุด จับได้ว่าภรรยามีชู้คนที่ 5 ไปนอนที่เรือนหอที่สร้างเอาไว้ที่พิษณุโลก โดยภรรยาอ้างว่ากลับไปทำธุระคดีที่ดิน ซึ่งเสี่ยมาทราบภายหลังว่า เรื่องคดีที่ดินเป็นเรื่องโกหกและต้องฟ้องในช่วงเดือนกรกฎาคม จึงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติว่าทำไมถึงไปก่อนล่วงหน้าหลายวัน
ตนจึงเดินทางลักลอบขึ้นไปหาเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน โดยไม่บอกกล่าว ถึงเวลาประมาณ 04.00 น. เข้าไปก็เจอภรรยานอนกอดกับชู้คนที่ 5 คาห้องนอน สภาพคือไม่ใส่เสื้อผ้าทั้งคู่ ซึ่งภรรยาอ้างว่า ไม่ได้มีอะไรกัน แค่เมาและมานอนเล่นกันเฉย ๆ ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรกัน ซึ่งตนไม่เชื่อ
ส่วนชายคนนั้นก็หน้าตาไม่สลดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่พูดอะไร ซึ่งมองว่าผิดปกติ แม้กระทั่งคำขอโทษก็ไม่มีการกล่าวแล้วก็ออกจากบ้านไปแบบหน้าตาเฉย ทราบว่าชายคนนี้เป็นเพียงแค่ผู้รับเหมาถมดินหน้าบ้าน แล้วพบว่าแอบคุยกับภรรยามานานแล้ว แต่ตนไม่ได้เอะใจจนกระทั่งมาจับได้
ยอมรับว่า คืนนั้นตนพกปืนปลอมไป เพื่อป้องกันตนเอง เพราะเกรงว่าจะรับอันตราย ยอมรับว่าถ้าพกปืนจริงไปก็อาจจะเกิดการใช้อาวุธปืนขึ้นได้
ต่อมาช่วงกลางวัน ทางฝ่ายหญิงอ้างว่าเป็นความผิดพลาดเพราะต่างคนต่างเมา ซึ่งตนก็เลยให้อภัยและยินยอมที่จะกลับออกมาจากพิษณุโลก ให้ฝ่ายหญิงเคลียร์เรื่องที่ดินที่พิษณุโลกแต่เพียงลำพัง เพราะตนยังคงมีความรักให้กับภรรยาและมองว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว
หลังจากนั้นตนทราบจากทนายความว่า ภรรยาไม่ได้ดำเนินการนัดหมายเคลียร์เรื่องคดีที่ดินเลย และพบว่าภรรยาได้มอบหมายให้คนมาขนของออกจากบ้านที่กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินที่หามาด้วยกัน แต่ตนก็ไม่พูดอะไร
และล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม มีการงัดแงะเข้ามาขโมยเอาเงินสดในห้องตนประมาณ 300,000 บาท สร้อยคอทองคำมูลค่า 5 บาท และพระบูชาเลี่ยมทอง 3 องค์ ซึ่งมีการแอบสับเปลี่ยนเอาพระปลอมมาไว้ในห้อง จึงเชื่อว่าการวางแผนมาลักทรัพย์
จึงเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่ตนตัดสินใจเตรียมจะดำเนินการฟ้องหย่าและฟ้องชู้ ปรากฏว่ากลับถูกข่มขู่เอาถึงชีวิต รวมทั้งยังถูกติดตามจาก GPS ของโทรศัพท์ เลยวิตกกังวลถึงความปลอดภัยว่า หากตนเป็นอะไรไป จะทำให้ภรรยาได้ทรัพย์สินที่ตนช่วยกันสร้าง โดยเฉพาะเรือนหอที่พิษณุโลกซึ่งตอนนี้เป็นชื่อเครือญาติของภรรยาและเกรงว่า ภรรยาจะได้ทรัพย์สินเหล่านี้ไปเสวยสุขร่วมกับชู้
สาเหตุที่มาร้องเรียนวันนี้ เพื่อร้องขอความปลอดภัยและหากเสี่ยเป็นอะไรไปจะได้รู้ว่าเกิดจากอะไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมอย่างมากและให้สังคมรับรู้ว่าเรื่องจริงยิ่งกว่าละคร
ตอนนี้ตนได้แยกกันอยู่กับภรรยาแล้ว และต้องการที่จะฟ้องหย่าเท่านั้น รวมทั้งกังวลในเรื่องความปลอดภัยของชีวิตตนเอง ยืนยันว่าจะไม่มีกลับไปคบหากับหญิงคนนี้อีก มันจบแล้ว จะไม่ให้อภัยอีกแล้ว รวมทั้งฝากบอกว่า ฝ่ายหญิงควรจะต้องมีจิตสำนึกที่จะต้องรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือให้ โดยเฉพาะที่เสี่ยฟ้องคดีอาญาและฟ้องร้องหย่า ซึ่งจะดำเนินการประสานกระทรวงยุติธรรมให้ดำเนินการคุ้มครองพยานให้