เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 พ.ย. ที่กระทรวงการคลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายกับผู้บริหารกระทรวงการคลัง โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า หรือชนิดสายฟ้าแลบ หลังจากก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเดินทางไปตรวจเยี่ยมเป็นรายกระทรวงทุกสัปดาห์

s__4808830

โดยก่อนหน้านี้ก็ไปเยี่ยมกระทรวงคมนาคม มหาดไทย มาแล้ว โดยกระทรวงการคลัง เป็นกระทรวงแห่งที่ 3 เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ดำเนินนโยบายกระทรวงการคลัง ในการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ ร่วมกับสำนักงบประมาณ ในการอัดฉีดเงินออกสู่ระบบในช่วงปลายปี รวมทั้งการจัดซื้อจัดจ้างเงินงบประมาณหลายโครงการ ขณะที่รัฐวิสาหกิจในปีนี้ต้องเบิกจ่ายเงินลงทุนหลายแสนล้านบาท

s__4808819

อีกทั้งที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรผ่านโครงการผลักดันราคาข้าวหอมมะลิ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวหอมปทุมธานี ในฤดูการผลิตปี 59/60 ผ่านโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกเจ้าของ (ธ.ก.ส.) การให้แบงก์รัฐทั้งออมสิน เอสเอ็มอีแบงก์ปล่อยสินเชื่อ ออกสู่ระบบทั้งรายย่อยและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

รวมทั้งติดตามมาตรการให้เกิดความคืบหน้าหลังจาก ครม.ได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้สูงอายุ ด้วยโครงการสร้างที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุ โดยใช้ที่ราชพัสดุมาใช้สร้างที่อยู่อาศัย 4 พื้นที่ ได้แก่ จ.ชลบุรี นครนายก เชียงใหม่ เชียงราย กำหนดอัตราค่าเช่าพักอาศัย 1 บาทต่อตารางวาต่อปี รวมค่าธรรมเนียมประมาณ 500 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเช่าระยะยาวเวลา 30 ปี ต่ออายุได้อีก 30 ปี คาดว่าเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงต้นปีหน้า และกำหนดให้ผู้ประกอบการทุกรายที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 รายขึ้นไป ตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับลูกจ้าง โดยนายจ้างและลูกจ้างจ่ายสมทบเงินเข้ากองทุนฝ่ายร้อยละ 3 ใน 3 ปีแรก

ต่อมาเวลา 12.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบาย กระทรวงการคลังว่า เป็นการเดินทางมาตรวจเยี่ยม เช่นเดียวกับที่เคยไปตรวจเยี่ยมกระทรวงมหาดไทย โดยมาขอบคุณ และให้กำลังใจและทบทวนในเรื่องของยุทธศาสตร์ชาติ รวมทั้งเรื่องของวิสัยทัศน์ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล และคสช. มาทบทวนในเรื่องของโรดแมป ติดตามการดำเนินการในด้านกฎหมายต่างๆ ที่ยังไม่เรียบร้อย ทางด้านการเงินการคลังว่าเดินไปถึงขั้นตอนไหนอย่างไร

ยืนยันว่าการมาวันนี้ไม่ได้มาตำหนิติเตียนใครเลย ทุกคนต่างทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว ท่ามกลางปัญหาความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าวันนี้เดินหน้าไปได้มาก วันนี้ตนคิดว่าเราต้องเดินหน้าไปสู่การมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ซึ่งต้องเริ่มทำตรงนี้ให้เข้มแข็ง และต้องเริ่มต้นให้ได้ ในส่วนของงบประมาณตนได้ทำความเข้าใจว่า วันนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดในการจัดสรรงบประมาณทางด้านฟังก์ชั่น จะต้องลดลง ทั้งเรื่องของค่าตอบแทน เงินเดือนต่างๆ รวมทั้งงบการก่อสร้างเล็กน้อยที่อยู่ในแผนการ เป็นงานตามภาระกิจหน้าที่ ในส่วนที่ 2 คืองบประมาณที่เชื่อมโยงกันหลายกระทรวง ทั้งการบริหารจัดการน้ำ การบริหารจัดการที่ดิน พลังงาน ทุกกระทรวงจะต้องทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้น โดยหารือร่วมกัน และเสนอโครงการเข้ามา ซึ่งนโยบายสำคัญวันนี้คือการปฏิรูปประเทศ ซึ่งงบประมาณก็คงจะต้องเพิ่มมากขึ้น เพราะหมายรวมถึงงบลงทุนด้วย

“วันนี้งบประมาณในส่วนของค่าใช้จ่ายประจำของภาครัฐอยู่ที่ 2.1 ล้านล้านบาท เหลืออยู่ประมาณ 5 แสนล้านบาท ที่จะนำมาทำในส่วนของงบลงทุน ซึ่งความจริงมีการไปลงทุนในงบด้านฟังก์ชั่นอยู่แล้ว ซึ่งในร่างพ.ร.บ.จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ก็ได้มีการแบ่งหมวดหมู่ที่ชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งจะได้เกิดความชัดเจนและทุกอย่างยืนยันว่าถูกต้องตามกฎหมาย และขั้นตอน ต้องไม่มีการทาบทับ ไม่มีการใช้อำนาจในทางบริหาร ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ระเบียบการใช้จ่ายงบประมาณทุกอย่าง ซึ่งจะได้ควบคุมง่าย โดยเฉพาะการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก

เมื่อถามว่า พอใจงานของกระทรวงการคลัง หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กระทรวงการคลังทำงานสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ขณะเดียวกันนโยบายคสช. ยุทธศาสตร์ ก็มีอยู่แล้ว ก็ทำในกรอบ เว้นแต่กระทรวงคัลงมีสิ่งริเริ่ม ก็เสนอขึ้นมา ตนก็จะใส่เติมเข้าไป เขาทำงานกันแบบนี้ เอากรอบบนลงมาแล้วมาตีแตกลงมาข้างล่าง ทั้งนี้ หน่วยงานราชการได้เร่งรัดการเบิกจ่ายในส่วนไหนบ้าง นายกฯ กล่าวว่า รู้หรือไม่ว่ารัฐบาลนี้เข้ามาแล้วทำได้ดีกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา ถ้ารู้แล้วก็จบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน