จากกรณี น.ส.พิมรา เจริญภักดี หรือน้ำหวาน ซาซ่า อายุ 34 ปี อดีตนักร้องวงซาซ่า แจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง ให้ดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและสร้างความเดือดร้อนรำคาญ กับชายเจ้าของอินสตราแกรมชื่อ “spiritmhilesvhey” ที่พิมพ์ข้อความด่าหยาบคาย และลามกอนาจารต่อเนื่องนานกว่า 6 ปี ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว ‘น้ำหวาน ซาซ่า’อดีตนักร้องดังสุดทน ถูกชายนิรนาม ตามด่าในไอจี มาราธอน 5 ปี โร่แจ้งปอท.(ชมคลิป)

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 10 เม.ย. ที่สน.ดอนเมือง น.ส.พิมรา พร้อมด้วย น.ส.พลอย เจริญปุระ อายุ 55 ปี มารดา และผู้จัดการส่วนตัว เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.เทพพิทักษ์ สินสืบ รอง สว.(สอบสวน) สน.ดอนเมือง เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี ภายหลังทราบว่าตำรวจรู้ตัวชายที่พิมพ์ข้อความคุกคามแล้ว โดยวันนี้พนักงานสอบสวนได้เชิญตัวนางนิภา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี อาชีพค้าขาย ซึ่งเป็นแม่ของชายเจ้าของอินสตาร์แกรมดังกล่าว มาสอบปากคำและไกล่เกลี่ยคดี ทันทีที่ทั้ง 2 พบกัน นางนิภา ได้ยกมือขอโทษน.ส.พิมรา ถึงเรื่องที่ลูกชายก่อขึ้น

ภายหลังพูดคุยไกล่เกลี่ยกันนานกว่า 1 ชั่วโมง น.ส.พิมรา เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาตามความคืบหน้าคดี ที่ผ่านมาก็มีอัพเดทเรื่อยๆ เช่นออกหมายเรียกผู้ต้องหา ส่วนวันนี้ตำรวจได้เชิญนางนิภา มาพบ ซึ่งความจริงอยากเชิญตัวน้องมา แต่ฝ่ายนั้นบอกท้องเสียมาไม่ได้ จึงเจอกับแม่แทน จากการพูดคุยกัน นางนิภาบอกว่าขอเวลาแก้ปัญหาอีกระยะหนึ่ง ตนจึงขอให้แม่พาน้องไปรักษา ซึ่งอีกฝ่ายก็สัญญากับตนและรับปากตำรวจว่าจะทำตาม ส่วนตัวรู้สึกเห็นใจอีกฝ่าย ซึ่งแม่ของผู้ต้องหาได้ถามว่าต้องการอะไร ตนตอบกลับไปว่าต้องการให้ไปรักษาเท่านั้น และการรักษาต้องมีสิ่งมายืนยัน คือใบรับรองจากแพทย์หรืออื่นๆ โดยทางนางนิภารับปากว่าในวันที่ 12 เม.ย.นี้ จะพาน้องไปรักษา

“หนูถามอีกฝ่ายไปว่า หนูได้ลงรูปในอินสตราแกรมในระหว่างที่นั่งคุยกันที่โรงพัก ซึ่งผู้ต้องหาก็ยังส่งข้อความคุกคามเข้ามาอยู่ นางนิภาจะทำอย่างไร เคยคิดจะทำอะไรกับอุปกรณ์สื่อสารของลูกหรือไม่เพราะเป็นจุดเริ่มต้น จึงอยากให้ระงับการใช้โทรศัพท์ ก่อนที่จะเข้ารับการรักษา ซึ่งนางนิภาดูเหมือนจะไม่อยากทำ แต่ก็ให้สัญญากับหนูและตำรวจว่าหลังจากแยกย้ายกลับบ้านกันไป ไม่ว่าหนูจะลงรูปอะไรก็ตามจะไม่มีการส่งข้อความคุกคามอีก หากไม่ทำตามที่สัญญา ในวันที่ 11 เม.ย.นี้ นางนิภาจะพาลูกชายมาเจอกันที่สน.ดอนเมือง อย่างไรก็ตาม ถ้าอีกฝ่ายไม่หยุดส่งข้อความ และไม่มาโรงพักตามที่สัญญากันไว้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการออกหมายจับ ซึ่งหนูไม่อยากให้ไปถึงขั้นนั้น” น.ส.พิมรา กล่าว

น.ส.พิมรา กล่าวต่อว่า ตนเคยขอให้นางนิภาพาลูกชายไปรักษา แต่นางนิภาบอกว่าไม่มีเงิน ซึ่งตนและแม่ยินดีที่จะดูแลรับผิดชอบในส่วนของค่ารักษาทั้งหมด แต่ปัญหาคือนางนิภาอยากพาลูกไปรักษาหรือไม่ ทั้งนี้หากมีการพาไปรักษา ตนก็ยินดีที่จะถอนแจ้งความ เพราะไม่อยากเอาเรื่อง ส่วนเรื่องงานนั้นกระทบมานานแล้ว ไม่ว่าใครจ้างงานก็ได้เห็นข้อความที่พิมพ์คุกคามมา คนที่จะจ้างงานก็เกิดคำถามทำไมถึงมีคนมาว่าเรา ช่วงนี้ตนเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า 1 ตัวเกี่ยวกับผิวหน้า มีการตกลงให้ตนลงรูปในอินสตราแกรม ซึ่งวันนี้ก็ต้องลงรูปแต่ตนไม่กล้าลง เพราะกลัว

ด้าน นางนิภา เปิดเผยว่า ตนมีลูก 2 คน เป็นชาย 1 หญิง 1 คน ที่ส่งข้อความหาน.ส.พิมรา คือลูกชายคนโต โดยลูกชายตนมีอาการบกพร่องทางจิตมาตั้งแต่ 4 ขวบ ปัจจุบันต้องรับยาจากรพ.ศิริราช และรพ.สมเด็จเจ้าพระยา หากวันไหนไม่ได้กินยาจะนอนไม่หลับ นิสัยทั่วไป จะมีอาการไฮเปอร์ สมาธิสั้น อารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรง ถ้าขัดใจจะอาละวาด ที่ผ่านมา ตนเคยคุยกับทางครอบครัวของน.ส.พิมราแล้วว่า เคยตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตแล้ว ทำให้ลูกชายอาละวาด ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะกลับไปยึดโทรศัพท์ลูกชาย เพื่อไม่ให้ส่งข้อความไปรบกวนอีก และในวันที่ 12 เม.ย.นี้ จะพาลูกชายไปรักษาอาการป่วยที่รพ.สมเด็จเจ้าพระยา และจะนำใบผลตรวจมาให้เจ้าหน้าที่เพื่อเป็นการยืนยันว่าตนพูดความจริง

ขณะที่ ร.ต.อ.เทพพิทักษ์ เปิดเผยว่า วันนี้ทางนางนิภาได้มาชี้แจงอาการป่วยของผู้ต้องหา ขณะที่ทางน.ส.พิมรา นั้น เรียกร้องให้นางนิภายึดโทรศัพท์ของลูกชาย ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตและพาไปรักษาถึงวันที่ 12 เม.ย.นี้ ทั้งนี้ หากฝ่ายนางนิภาไม่ทำตามที่รับปากไว้ ในวันที่ 17 เม.ย.นี้ พนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการยื่นคำร้องขอศาลออกหมายจับ เนื่องจากออกหมายเรียกไปแล้ว 2 ครั้ง ทั้งนี้ หากทางผู้ต้องหาทำตามข้อตกลงที่ไกล่เกลี่ยกัน แล้วผู้เสียหายพอใจที่จะถอนแจ้งความ ก็สามารถทำได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน