แพทย์ เผย ยอดคนไข้ เสริมความงาม ได้รับผลข้างเคียงกว่า 60ราย ในรอบ 12เดือน บางรายหน้าเบี้ยว เส้นเลือดอุดตัน สูญเสียการมองเห็น แนะ ตรวจสอบหมอ-คลินิก-ผลิตภัณฑ์
วันที่ 7 ธ.ค.2567 รศ.พิเศษ พญ.วิไล ธนสารอักษร กรรมการและประชาสัมพันธ์สมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการแถลงข่าวจัดกิจกรรม “Master of Complication หัตถการความงาม” ซึ่งจัดโดยสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณ (Thai Society of Cosmetic Dermatology and Surgery) เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า
ปัจจุบันการดูแลความงามเป็นที่สนใจและเข้าถึงประชาชนได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการพัฒนาทางการแพทย์ด้านความงามในประเทศไทยอย่างก้าวกระโดดจนเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำของโลก อย่างไรก็ตาม การรักษาที่มากขึ้นทั้งจำนวนผู้รักษา และความหลากหลายของหัตถการย่อมทำให้เกิดกรณีศึกษาเกี่ยวกับผลข้างเคียงทางการรักษา

แพทย์ เผย ยอดคนไข้ เสริมความงาม ได้รับผลข้างเคียงกว่า 60ราย ในรอบ 12เดือน บางรายหน้าเบี้ยว เส้นเลือดอุดตัน สูญเสียการมองเห็น แนะ ตรวจสอบหมอ-คลินิก-ผลิตภัณฑ์
เช่น ภาวะการอุดตันของเส้นเลือด การสูญเสียการมองเห็น การติดเชื้อหลังการรักษาด้วยสารเติมเต็ม การเกิดภาวะผิวไหม้ แผลเป็น จากการรักษาด้วยเลเซอร์ คลื่นเสียง และคลื่นวิทยุ รวมถึงภาวะหน้าผิดรูป การติดเชื้อ และผลข้างเคียงอื่น ๆ ทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้ป่วยทั้งทางร่างกาย จิตใจและความพิการ จนถึงอาจอันตรายถึงชีวิตได้
ทั้งนี้ เคยมีคนไข้ที่เข้ามารับการรักษาผลข้างเคียงจากเสริมความงามว่าตามไปทำกับหมอกระเป๋าที่โกดังแห่งหนึ่ง ซึ่งอันตรายมาก พอเกิดการติดเชื้อแล้ววุ่นวายเลย และจากข้อมูลของโรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งมีเซ็นเตอร์รับคนไข้
พบว่าคนไข้ที่ได้รับผลกระทบจากการรับบริการเสริมความงามที่ไม่ถูกต้องในรอบ 12 เดือนก่อนหน้านี้กว่า 60 ราย ที่ฉีดฟิลเลอร์จากคนที่ไม่ใช่แพทย์ แล้วทำให้เกิดปัญหาฟิลเลอร์แล้วเข้าสู่หลอดเลือด
ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ทำให้เกิดตาบอด ถ้าไปอุดตันเส้นเลือดหัวใจ อุดตันเส้นเลือดสมองกลายเป็นโสตรก และสามารถทำให้เสียชีวิตได้ แต่ที่รายงานเข้ามานั้นยังไม่มีเคสเสียชีวิต
รศ.พิเศษ พญ.วิไล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ขอเตือนไปยังประชาชนว่า การรับบริการความงาม ต้องตรวจสอบว่าแพทย์ผู้ให้บริการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมจริงหรือไม่ ผ่านทางเว็บไซต์ของแพทยสภา
ตรวจสอบผลิตภัณฑ์จากเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และตรวจสอบสถานพยาบาลว่าขึ้นทะเบียนหรือไม่ผ่านทางเว็บไซต์ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.)