ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 รอบใหม่วันไหน รับเงินช่วยเหลือ 1,545 บาท ตรวจสอบคุณสมบัติ 10 ข้อ ใครมีสิทธิได้รับบ้าง เช็กได้ที่นี่
วันที่ 7 ม.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงต้นปี 2568 ประมาณสิ้นเดือนมีนาคมสำหรับกลุ่มเปราะบาง ผู้มีรายได้น้อย เตรียมความพร้อม ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน รอบใหม่ เนื่องจากขณะนี้กำลังจะครบ 2 ปี หลังจากรอบล่าสุดที่เปิดลงทะเบียน เมื่อปลายปี 2565 วันที่ 5 ก.ย.-31 ต.ค.
เพื่อเป็นการทบทวนคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการใหม่ กระทรวงการคลังวางแผนไว้ว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะทบทวนผู้มีสิทธิกันใหม่ทุก ๆ 2 ปี เพราะบางคนอาจจะมีคุณสมบัติที่หลุดจากเกณฑ์ไปแล้ว
หรือบางคนที่ไม่ได้สิทธิ คุณสมบัติอาจจะผ่านในรอบนี้ ซึ่งรอบที่แล้วเดิมมีผู้ลงทะเบียนกว่า 14.9 ล้านคน แต่ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 13.5 ล้านคน เพราะส่วนหนึ่งก็เสียชีวิตไป
เกณฑ์การลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 22 พ.ย.2567 ว่า กระบวนการในการที่จะลงทะเบียนเบื้องต้น คาดว่าจะมีผู้ลงทะเบียนกว่า 25 ล้านคน ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
- กลุ่มเดิมคือผู้ที่มีสิทธิในปัจจุบันที่ผ่านกระบวนการแล้ว 14.5 ล้านคน
- กลุ่มใหม่ที่ประมาณการไว้ที่ 10 ล้านคน
สำหรับกลุ่มใหม่ที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิมาก่อน ซึ่งมาจากประชาชนที่อายุครบ 18 ปี เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา กลุ่มที่เคยลงทะเบียนแต่ไม่ได้รับสิทธิ 4-5 ล้านคน และกลุ่มอื่น ๆ ที่คาดการณ์ไว้ก็มีอีกหลายล้านคนที่คงจะมาลงทะเบียน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดจะได้รับสิทธิ ก็ต้องมาตรวจสอบตามกลไกต่อไป
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มผู้มีสิทธิเดิม 14.5 ล้านคน จะไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ รัฐบาลจะนำรายชื่อไปคัดกรองสิทธิอัตโนมัติ ส่วนกลุ่มผู้ที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิมาก่อน จะต้องมีการลงทะเบียน
โดยจะเริ่มได้ก่อนสิ้นเดือน มี.ค.2568 โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” และขั้นตอนการลงทะเบียนที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
- อ่านข่าว : เปิดไทม์ไลน์ล่าสุด ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 68 คุณสมบัติเบื้องต้น
- อ่านข่าว : เช็กเลย! บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดือน ม.ค. 68 เงินเข้าวันไหน จ่ายอะไรบ้าง
ขณะเดียวกันได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ดำเนินการตรวจสอบทบทวนหลักเกณฑ์ทั้งเก่าและใหม่ เพื่อให้ครอบคลุมกับการดำเนินงาน ป้องกันไม่ให้คนจนไม่จริงเข้ามาสวมสิทธิ
ซึ่งในด้านเกณฑ์รายได้ครัวเรือนยังมีอยู่เหมือนเดิม ขณะที่เกณฑ์เรื่องการถือครองที่ดิน จะทำให้สามารถตรวจสอบใช้ได้จริง พร้อมจะดูรายละเอียดในเรื่องสินทรัพย์ การถือครองสลาก และพันธบัตร
คุณสมบัติ รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
เกณฑ์คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ เบื้องต้นคาดว่าจะยังไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม ดังนี้
- ลงทะเบียนรายบุคคล และตรวจสอบคุณสมบัติเป็นรายบุคคลและครอบครัว
- ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย
- อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- มีรายได้คนละไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ภายในครอบครัว มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี
- ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก พันธบัตร ตราสารหนี้ต่าง ๆ ต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปีเช่นเดียวกัน
- ต้องไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือที่ดิน เกินจากเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด
- ไม่มีบัตรเครดิต
- ไม่มีวงเงินกู้บ้านตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป
- วงเงินกู้ซื้อรถตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป
- ต้องไม่เป็นภิกษุ สามเณร ผู้ต้องขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญ ข้าราชการการเมือง รวมถึง สส. และ สว.
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรับเงินช่วยเหลือกี่บาท
- วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 300 บาทต่อคนต่อเดือน
- วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน
- วงเงินส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน
- มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
- มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
- รวมเป็นเงิน 1,545 บาท
- เบื้องต้นใช้งบประมาณราว 4,800 ล้านบาทต่อเดือน หรือราว 50,000 ล้านบาทต่อปี
จ่อทบทวนสิทธิการใช้จ่ายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใหม่
นอกจากนี้ ยังจะมีการทบทวนสิทธิและสวัสดิการของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้เหมาะสม เช่น วงเงินการซื้อของจากร้านธงฟ้า ค่าก๊าซ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ใช้สิทธิเพียง 40% และยังรวมถึงค่าเดินทาง
เนื่องจากในบางหลักเกณฑ์ประชาชนไม่ได้เข้าไปใช้สิทธิตามที่รัฐบาลวางไว้ จึงทำให้งบประมาณบางส่วนถูกใช้ไปโดยไม่จำเป็น จึงต้องศึกษาใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมให้ไปศึกษาเรื่องการรีสกิลอัพสกิลด้วย
โดยกระทรวงการคลังได้กำชับคณะอนุกรรมการด้านนโยบาย ของ สศค. ในการไปพิจารณาหลักเกณฑ์เหล่านี้เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อให้ทันต่อการเปิดลงทะเบียนโครงการรอบใหม่วันที่ 31 มี.ค.2568 ปัจจุบันรัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่อสวัสดิการ 14.5 ล้านคน วงเงิน 60,000 ล้านบาทต่อปี
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ