แม่พีม ยันไม่ประกันตัวลูก ไม่มีกำลังทรัพย์ อยากให้เรียนรู้ผลของการกระทำ ที่ผ่านมาไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ ยอมรับบกพร่องขาดการอบรมลูก
กรณีนักศึกษา ปี 2 มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ถูกกลุ่ม LGBTQ ล้อมนับ 10 คน ก่อนก่อเหตุ ตัดผมคู่กรณี และใช้น้ำซุปร้อน ๆ ราดใส่ไป 3 ครั้ง จนทำให้เกิดแผลที่ผิวหนังรุนแรง ต่อมา สภ.คลองหลวง ออกหมายจับ พีม รษิภา (ขอสงวนนามสกุล) และ ชคัทพล หรือ โอชิ (ขอสงวนนามสกุล) ตร.แจ้ง 2 ข้อหา กรรโชกทรัพย์ และทำร้ายร่างกาย ล่าสุดมหาวิทยาลัยกรุงเทพ มีมติไล่ออก มือสาดน้ำซุป ทำร้ายรุ่นน้อง พ้นสภาพการเป็นนักศึกษา จำหน่ายชื่อออกจากทะเบียน ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 11 ก.พ.68 ที่สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มีผู้ต้องหาในกรณีเหตุความรุนแรงของกลุ่ม LGBTQ สาดน้ำซุป รวมทั้งสิ้น 8 ราย คือ นายรษิภ (พีม), นายชคัทพล (โอชิ), นายนพคุณ (จั๊ก), นายดลลธี (พอล), น.ส.อุ้มบุญ (อุ้มบุญ), น.ส.กันยาพัชร (พิมเจล), น.ส.วรัญญา (แบม), น.ส.ภราดร
โดย 2 ราย พีมกับโอชิ เบื้องต้นวันนี้จะครบกำหนดส่งตัวฝากขังศาลธัญบุรี หลังจากที่เลื่อนมาจากเมื่อวานนี้ เบื้องต้นทั้ง 2 ราย ถูกแจ้งข้อกล่าวหา กรรโชกทรัพย์ และทำร้ายร่างกาย ขณะที่อีก 6 รายที่เหลือ ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันกรรโชกทรัพย์
พ่อแม่ของนายรษิภา หรือพีม เดินทางมาเยี่ยม พร้อมนำอาหารใส่ถุงพลาสติกมาให้ ขณะเดียวกันเพื่อนของพีมก็นำขนมมาเยี่ยมด้วยเช่นกัน
โดยมีการพูดคุยกับพีมผ่านห้องเยี่ยมผู้ต้องหา ด้านแม่พูดกับพีมว่า โทรศัพท์พีมที่พีมให้ไปติดต่อ เขายึดเป็นหลักฐานนะและบอกว่า “วันนี้แม่ซื้อข้าวเหนียวหมูกับคะน้ามาให้เดี๋ยวแม่ไปรอที่ศาลนะ” พร้อมถามว่าต้องส่งตัวกี่โมง เดี๋ยวไปเจอกันที่โน่นแล้วกัน และมีถามเพิ่มเติมว่า “เอาแปรงสีฟันเหรอ เอาไปทำอะไรตั้งเยอะแยะ”
ต่อมาแม่ของพีม อายุ 50 ปี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ยืนยันว่าจะไม่ขอประกันตัวลูก ให้เป็นไปตามกระบวนการเลย โดยวันนี้นำข้าวเหนียวหมูมาเยี่ยมลูก ซึ่งการที่เราไม่ยื่นประกันตัว เพราะอยากให้เขาได้เจอประสบการณ์ด้วยตัวของเขาเอง อยากให้เขาเรียนรู้ชีวิต แต่ถ้าอยากจะประกันตัว ครอบครัวตนก็ทำไม่ได้อยู่ดี เพราะไม่ได้มีกำลังทรัพย์อะไรมากมาย
“ยอมรับว่า ที่ลูกเป็นแบบนี้ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะ แม่ที่ขาดการอบรมเขา เนื่องจากเราอยู่ห่างกัน ลูกใช้ชีวิตอยู่ที่มหาลัย เวลาลูกออกไปทำอะไรกลางคืน พ่อแม่ก็ไม่ทราบ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้คุยอะไรกับพีมมากมาย แค่ให้เขาอดทนใช้ชีวิตต่อไปที่เหลืออยู่ในนั้นให้ได้” แม่พีม กล่าว
แม่พีม กล่าวต่อว่า ฝากถึงพ่อแม่ครอบครัวอื่น ตนมองว่ามันพูดยาก ครอบครัวทุกคนสอนให้ลูกเป็นคนดีอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเด็กด้วย ว่าเวลาห่างจากผู้ปกครองไป ลับหลังไปทำอะไรเราก็ไม่รู้
ยืนยันว่า ตนไม่เคยรับรู้เรื่องพวกนี้ของพีมมาก่อนเลยตลอดเวลาที่พีมอยู่มหาวิทยาลัย ตนมักจะสอนลูกตลอดว่า คบเพื่อนต้องให้ดูดีๆ แต่ลูกก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้มาให้ตนรับทราบเลยที่ผ่านมา ผลเฉลี่ยการเรียนก็ดี
แม้ว่าครอบครัวของตนจะไม่มีกำลังทรัพย์มาก แม่ช่วยกันหาเงินกับพ่อ เทอมไหนไม่มีเงิน ก็กู้บริษัทแล้วผ่อนเอา เพราะอยากให้ลูกมีสังคมที่ดี เติมเต็มในสิ่งที่ตนไม่เคยมี เพราะตนไม่มีการศึกษา แล้วเห็นลูกอยากเรียนตรงนี้ก็สนับสนุน เพราะเห็นเขาสนใจการเรียน จึงพยายามผลักดันในสิ่งที่เขาอยากเรียน ตนก็เพิ่งรู้เมื่อวานว่า พีมเรียนจบไปแล้ว และไปเรียนลงเรียนใหม่ ซึ่งตนไม่รู้อะไรเลยว่าลงเรียนใหม่ไปเพื่ออะไร
เท่าที่รู้คือเขาบอกว่ามีปัญหาเรื่องฝึกงาน ยังเหลืออีกเทอมหนึ่ง ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งโอนค่าเทอมใหม่ไปให้ เนื่องจากเขาไปลงทะเบียนเรียนแล้วเอาใบปริ้นของมหาวิทยาลัยมาให้แม่เบิกค่าเทอม ตนก็เพิ่งรู้รายละเอียดจริงๆเมื่อวานหลังจากโทรคุยกับทางมหาวิทยาลัย