ป.ป.ช.จับ ‘สุธี เชื่อมไธสง’ จำเลยที่ 16 ในคดีระบายข้าวจีทูจี สมัย‘ยิ่งลักษณ์’ ส่งตัวรับโทษจำคุก 32 ปี ร่วมชดใช้เงินรวม 1.6 หมื่นล้าน พร้อมดอกเบี้ย
เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายใต้การอำนวยการของ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช., น.ส.ชฎารัตน์ อนรรฆอร รองเลขาธิการฯ ภาค 1, นายประทีป จูฑะศร รองเลขาธิการฯ ภาค 4, นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผอ.สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ นำโดยนายธนิต สุวรรณากาศ นักสืบสวนคดีทุจริตชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งผอ.กลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 1 นายฉัตรชัย ดวงสุวรรณ หัวหน้างานสืบสวนคดีทุจริตภาค 4 และนายธีรเดช พวงเงิน หัวหน้างานสืบสวนคดีทุจริตภาค 1
พร้อมด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่กลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 1 พนักงานเจ้าหน้าที่งานสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 และภาค 4 ประสานเจ้าพนักงานตำรวจ กองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 จับกุม นายสุธี เชื่อมไธสง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ 20/2562 ลงวันที่ 28 พ.ค. 2562 ผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 32 ปี ในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในยุครัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ศาลได้พิพากษาว่า นายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 มีความผิดตาม พ.ร.ฐ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง, 10, 12 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 จำคุกกระทงละ 8 ปี รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 32 ปี และร่วมชดใช้เงินรวม 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ย
อีกทั้งนายสุธี ยังเป็นผู้ถูกกล่าวหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ที่ 20/2565 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2565 ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มาตรา 10 และมาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11
ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2563 มาตรา 192 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86
โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้สืบสวนติดตามตัวนายสุธี เชื่อมไธสง มาตั้งแต่ปี 2558 รวมระยะเวลา 10 ปี จนกระทั่งสืบสวนได้ว่านายสุธี หลบหนีมาอยู่กับภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ในพื้นที่หมู่ที่ 7 บ้านหนองกรุงศรี ต.หนองไผ่ล้อม อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกับเจ้าพนักงานตำรวจขอหมายค้นต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 เพื่อค้นบ้านภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสของนายสุธี ภายในหมู่ที่ 7 บ้านหนองกรุงศรี ต.หนองไผ่ล้อม อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น
ในการปฏิบัติการค้น พบตัวนายสุธี เชื่อมไธสง หลบซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณดงกล้วยหลังบ้านตามหมายค้น จึงได้เข้าจับและควบคุมตัวไว้ พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายสุธี เชื่อมไธสง จัดทำบันทึกจับกุม และดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 และเอกสารที่เกี่ยวข้อง และส่งตัวให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อจำคุกผู้ต้องหาตามคำพิพากษาต่อไป