ตั้งกรรมการสอบ 7 ข้าราชการ กทม. จัดจ้าง ซ่อมรถบัสทิพย์ 5 คัน เสียหายกว่า 2.7 ล้านบาท เผย มีตำแหน่งใดบ้าง ระบุ สอบควบคู่ไปกับการดำเนินคดีอาญา
จากกรณีการจับกุม เจ้าหน้าที่ กทม. กองการกีฬา สำนักวัฒนธรรมกีฬา สนามกีฬาและการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร จำนวน 7 ราย ทุจริตโครงการซ่อมแซมรถโดยสารปรับอากาศ ขนาด 50 ที่นั่ง จำนวน 5 คัน จำนวน 28 ครั้ง มูลค่าความเสียหาย 2.7 ล้านบาท ที่กองการกีฬา กทม. ดินแดง อาคารกีฬาเวสน์ 3 ถนนมิตรไมตรี แขวงเขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 12 มี.ค.2568 ที่ศาลาว่าการกทม. รายงานข่าวแจ้งว่า นางวันทนีย์ วัฒนะปลัดกรุงเทพมหานคร ได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว โดยผู้เกี่ยวข้องแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกผู้ที่ถูกออกหมายจับ และกลุ่มที่ 2 กลุ่มผู้ที่ถูกกล่าวหา ในส่วนของผู้ที่ถูกออกหมายจับการสอบสวนวินัยต้องควบคู่ไปกับการสอบสวนดำเนินคดีอาญา
ส่วนผู้ถูกกล่าวหา ต้องไปแสวงหาข้อเท็จจริงว่ามีส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ หากไม่เกี่ยวข้องจะถูกดำเนินการทางวินัยฐานไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ซึ่งส่วนนี้จะต้องทำให้รอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับเจ้าหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย
สำหรับ ข้าราชการ กทม. สังกัดกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จำนวน 7 ราย ดังนี้
- นายดำรงค์ (ขอสงวนนามสกุล) อดีตผู้อำนวยการ สังกัด กองการกีฬาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 19/68
- นายภูมินทร์ (ขอสงวนนามสกุล) นักพัฒนาการกีฬา สังกัด กองการกีฬาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 20/68
- นายคมกริช (ขอสงวนนามสกุล) นักพัฒนาการกีฬา สังกัด กองการกีฬาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 21/68
- นายปฏิญญา (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าพนักงานพัสดุ สังกัด กองการกีฬาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 22/68
- น.ส.สิริกัญญา (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าพนักงานธุรการชำนาญการ สังกัดกองการกีฬาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 25/68
- นายอภินันท์ (ขอสงวนนามสกุล) นักพัฒนาการกีฬา สังกัด กองการกีฬาฯ
- น.ส.สุชาวดี (ขอสงวนนามสกุล) นักวิชาการพัสดุ สังกัด กองการกีฬาฯ
ซึ่งกระทำผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร
ร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ”
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162(1)(4) และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากการทุจริตจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย 7 โครงการที่แพงเกินจริง ทำให้ ป.ป.ช. และ สตง. เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ จนพบมีข้าราชการ กทม. เกี่ยวข้อง รวม 33 ราย
ปลัด กทม. จึงตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง จนพบว่าไม่มีหลักฐานข้าราชการ 19 คน จึงยุติการสอบสวนดังกล่าว เพื่อให้ความเป็นธรรม ส่วนอีก 14 คน พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง จึงดำเนินการสอบวินัยต่อไป
แต่กระบวนการยังไม่สิ้นสุด เพราะผลการสอบวินัยร้ายแรงต้องส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานคร (สำนักงาน ก.ก.) พิจารณาและ มีมติ ก.ก.ก่อนให้ประธานคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงแถลงผลการสอบสวนอย่างทางการ
และหาก ป.ป.ช. และ สตง. ชี้มูลความผิดอย่างใด กทม. ต้องยึดความผิดตามนั้น แม้ผลการสอบวินัยร้ายแรงของกทม.จะมีมากหรือน้อยก็ตาม
โดยเรื่องดังกล่าว ทำให้นายนพินทร์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี ข้าราชการสังกัดกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร ยิงตัวตายที่เบาะนั่งด้านหลังคนขับ ภายในรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ ที่จอดอยู่ภายในซอยแห่งหนึ่ง แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา
เนื่องจากเกิดความเครียดสะสมที่โดนตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยคดีทุจริตโครงการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายส่อแพงเกินจริง