กรณีพบศพนางสุนีย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ถูกคนร้ายฆ่าใช้เชือกสีแดงรัดคอและที่ท้ายทอยของศพมีไม้ขนาดสามนิ้วยาว 40 เซนติเมตร เชือกหมุนเป็นเกลียว อยู่ภายในห้องน้ำบ้านเลขที่ 450 หมู่ที่ 8 ต.เพ็ญ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี และพบข้าวของกระจัดกระจายและพบกรรไกรวางอยู่บนเตียง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา สอบสวนทราบว่าผู้ตายเป็นภรรยา นายอาเธอร์ ดอร์เนอร์ ชาวอังกฤษ ขณะเกิดเหตุสามีกลับไปบ้านที่ประเทศอังกฤษ และในช่วงตอนกลางคืนมีพยานพบว่า นายทองใส บุลาชาโต อายุ 36 ปี อยู่บ้านหนองไฮ ต.หนองไฮ อ.เมือง จ.อุดรธานี เข้ามาที่บ้านดังกล่าว และช่วงเช้าเกิดทะเลาะกันขึ้น คาดว่าจะเป็นคนลงมือฆ่าแล้วหนีไป ตร.สันนิษฐานสาเหตุคือเรื่องหึงหวงเพราะผู้ตายเป็นคนหน้าตาดี อาจมีคนรักใหม่ เพราะผู้ก่อเหตุเคยขู่ฆ่าหลายครั้ง และเรื่องยาเสพติด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 ก.ค. ที่หน้าบก.ภ.จว.อุดรธานี พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.ชวิศ ศรีจันทร์ พ.ต.อ.วิรุตติ์ เย็นสวัสดิ์ พ.ตงอ.วีธ มุทธสินธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรฯ พ.ต.ท.สิทธิพร ธารากุลทิพย์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.เอกลักษณ์ บุญแสงเจริญ รอง ผกก.ป.พร้อมด้วย ชุดสืบสวน นำตัวนายทองใส ปุราชาโต อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101/2 ม.6 ต.หนองไฮ อ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วยของกลาง รถยนต์ ยี่ห้อมาสด้า 2 สีขาว ทะเบียน กม1800 อุดรธานี โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง ออกมาแถลงข่าวในคดี “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา, ลักทรัพย์ในเคหสถาน” ตามหมายจับของศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ.260/2559 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2559
พล.ต.ต.พีระพงศ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ก.ค. มีเหตุพบศพของนางสุณี ถูกฆ่ารัดคอที่บ้านเลขที่ 440 ม.8 ต.เพ็ญ อ.เพ็ญ และจากการสืบทราบว่าคนร้ายคือนายทองใส ปุราชาโต และหลบหนีไป ต่อมาจึงออกติดตามตัว และขอหมายจับของศาลจังหวัดอุดรธานี จนต่อมาในเวลา 00.15 น. วันที่ 15 ก.ค. นายทองใสก็เข้ามอบตัวต่อร้อยเวร สภ.เมืองอุดรฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไว้จากการสอบสวน
นายทองใส ให้การรับสารภาพว่า ทำงานเป็นช่างซ่อมรถจักรยานยนต์และช่างทาสี เมื่อ 5 ปีก่อน รู้จักกับผู้ตายในงานบุญประจำหมู่บ้าน ซึ่งเป็นเมียฝรั่ง ซึ่งสามีเดินทางกลับไปทำธุรกิจที่ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส และต่อมาได้รับจ้างเหมาทาสีบ้านผู้ตาย ตนเห็นผู้ตายมีอัธยาศัยดี จึงพูดจาจีบและผู้ตายก็มีใจเล่นด้วย จนกระทั่งลักลอบได้เสียกันประจำ ต่อมาผู้ตายให้ตนเข้ามาอยู่ในบ้าน ในห้องพักรับรองแขกชั้นล่าง 3 ปี เมื่อสามีฝรั่งของผู้ตายกลับมาบ้าน ผู้ตายจะแนะนำว่าเป็นคนสวนและช่างซ่อมประจำบ้าน ซึ่งสามีฝรั่งไม่ระแคะระคายอะไร ตนก็จะไม่แสดงตัวหรือหึงหวงผู้ตาย ส่วนมากจะออกมาอยู่ข้างนอก
นายทองใส ให้การต่อว่า เมื่อสามีฝรั่งกลับไปต่างประเทศ ตนถึงจะเข้ามาอยู่ในบ้านตามปกติ ซึ่งในระยะแรกความรักของตนและผู้ตายหวานชื่นดี ผู้ตายปรนเปรอสิ่งของและเงินทองไม่ขาด แถมยังได้ให้ซื้อรถยนต์ ยี่ห้อมาสด้า 2 สีขาว ให้ตนขับอีกด้วย ซึ่งตนจะหึงหวงผู้ชายไทยทุกคนที่มายุ่งกับผู้ตาย เพราะผู้ตายมักจะชวนเพื่อนหญิงชายมาตั้งวงเหล้าที่บ้านเป็นประจำ จนทำให้มีปากเสียงกันบ่อยครั้ง เพราะตนเกรงว่าผู้ตายจะมีผู้ชายคนใหม่และตีตัวออกห่าง ตนจึงพูดเตือนผู้ตายหลายครั้ง แต่ผู้ตายไม่เชื่อฟัง ยังดื้อรั้นพาเพื่อนมาดื่มเหล้าเหมือนเดิม
นายทองใส กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุ 2 วัน ผู้ตายพาเพื่อนชายหญิงมาตั้งวงดื่มเหล้า และเห็นผู้ชายมาสักยนต์บริเวณแผ่นหลังผู้ตาย 2 วันติดต่อกัน ทำให้ตนรู้สึกไม่พอใจ และตักเตือนผู้ตายว่าอย่านำเพื่อนมาดื่มเหล้าอีก เกรงว่าผู้ตายจะตีตัวออกห่าง แต่ผู้ตายไม่สนใจบอกว่ายังสักลายไม่เสร็จ พรุ่งนี้จะเรียกช่างมาสักอีก ทำให้มีปากทะเลาะกัน เสียงกัน พอตื่นเช้าตนและผู้ตายยังทะเลาะกันอีก ตนโมโหได้ใช้ท่อนไม้ทุบหัวผู้ตาย และใช้เชือกรัดคอขันชะเนาะจนขาดใจตายในห้องน้ำ ก่อนจะรื้อค้นเอาทรัพย์สิน คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือผู้ตาย และขับรถหลบหนีไป ส่วนทองรูปพรรณ และกระเป๋าเงินผู้ตายตนไม่ได้เอาไป หลังจากนั้นก็ขับรถนำเอาโน้ตบุ๊คไปจำนำกับเพื่อน จำนวน 2,000 บาท เพื่อเป็นทุนหลบหนี ส่วนมือถือของผู้ตายตนโยนทิ้ง ตนไม่รู้ว่าจะหนีไปไหน จึงได้ไปนอนที่วัดบ้านที่พ่อบวชอยู่ที่ กม.17 ต.โคกสะอาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ตนคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะหนีไปไหน ว่าจะไปผูกคอตายบนภูฝอยลม จนกระทั่งคิดถึงแม่ขึ้นมาได้ จนเมื่อคืนนี้จึงตัดสินใจขับรถมาโรงพัก เข้ามอบตัวกับตำรวจในที่สุด ตนรักและหวงผู้ตาย และรู้สึกเสียใจที่ได้พลั้งมือฆ่าผู้ตาย เพราะความโมโหและหึงหวง จึงตัดสินใจเข้ามอบตัวกับตำรวจเพื่อรับกรรมที่ตนก่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงข่าวเสร็จ กำลังจะนำตัวนายทองใสขึ้นรถไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ก็มีนายจักรกฤษ ศุภวรรณ อายุ 26 ปี ญาติของนางสุณี ซึ่งโกรธแค้นนายทองใสเข้ามาทำร้ายนายทองใส แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ได้กันตัวไว้ได้ แล้วรีบนำนายทองใส ขึ้นรถไปยัง อ.เพ็ญ ทันที
นายจักรกฤษ เปิดเผยว่า นางสุณีน้าของตน เป็นที่รักใคร่ของญาติๆ ทุกคน และส่งเสียตนจนเรียนจบ น้าสุณีมีลูกทั้งหมด 4 คนเป็นชาย 3 คน และเกิดกับสามีชาวต่างชาติ เป็นหญิง 1 คน ต่อมาตนมีอาชีพเป็นช่างสักลายตามตัวทั้งมือและเครื่อง ต่อมาตนสอบได้เป็นพนักงานไปรษณีย์ที่ส่วนกลาง และขอมาลงที่อ.เพ็ญ ที่บ้านเพื่อดูแลพ่อที่ชราภาพมากแล้ว ก็ได้มาอยู่อุดรธานีได้ 5 วัน วันแรกก็เข้าไปหานางสุณีทันทีและสักที่ตัวให้ แต่วันแรกสักไม่เสร็จ จึงมาสักในวันรุ่งขึ้น และน้าชวนให้กินเบียร์ด้วยกัน จนถึง 6 ทุ่มจึงบอกน้าว่าพรุ่งนี้ค่อยมาสักต่อ จึงกลับไปบ้าน จนตื่นมาในช่วง 08.30 น.จึงมาทราบว่าน้าถูกฆ่าตายแล้ว ก็มีความแค้นตัวคนฆ่ามาก จึงตามมาขอดูตัวและทนไม่ได้ จึงทำร้ายนายทองใสดังกล่าว
