เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ โดยรอบท้องสนามหลวงและพระบรมมหาราชวัง ยังคงมีพสกนิกรจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เดินทางมาต่อคิวเพื่อรอเข้าถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่เทศกิจ คอยตรวจตรารอบพื้นที่อย่างเข้มงวด
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า บริเวณเต็นท์กศน.โซนเหนือ 36 ฝั่งตรงข้ามม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีกลุ่มจิตอาสารับเพ้นท์ร่มเป็นสัญลักษณ์เลข ๙ โดยประชาชนสามารถนำร่มคันเก่าจำนวน 3 คันมาแลกเปลี่ยนเป็นร่มเพ้นท์ลายได้หนึ่งคัน โดยทางกลุ่มจะนำร่มเก่าไปแจกจ่ายให้กับพระสงฆ์ คนชราและคนพิการที่ขาดแคลนเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลต่อไป
น.ส.อภิศราภรณ์ อ่วมสนวราธรณ์ อายุ 45 ปี หนึ่งในกลุ่มจิตอาสาที่รับเพ้นท์ร่ม กล่าวว่า กิจกรรมเพ้นท์ร่มเริ่มมาได้ 10 วันแล้ว เนื่องจากช่วงนี้อากาศค่อนข้างร้อนและมีฝนตก เป็นอุปสรรคกับประชาชนที่เดินมายังท้องสนามหลวงเพื่อถวายบังคมพระบรมศพ และการใช้ร่มก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก จึงเกิดเป็นที่มาของการเพ้นท์ร่มที่สามารถใช้ประโยชน์และเก็บเป็นที่ระลึกได้ อยากเชิญชวนผู้ที่สนใจมีจิตอาสามาช่วยกันเพ้นท์ร่มเป็นสัญลักษณ์เลข ๙ ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการได้ร่มที่เพ้นท์แล้ว ให้นำร่มเก่าที่ใช้แล้วแต่สภาพดี นำมา 2-3 คัน เพื่อนำมาแลกร่มที่เพ้นท์ลายได้ที่เต็นท์บริการของกศน.
ด้านนายกฤติพงศ์ ฮะบางแขม อายุ 31 ปี จิตอาสาที่ร่วมเพ้นท์ร่ม กล่าวว่า ในการตัดสินใจเข้าร่วมเป็นจิตอาสาเพ้นท์ร่มครั้งนี้ เพราะต้องการทำความดีถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยนำวิชาความรู้สมัยเรียนที่วิทยาลัยสารพัดช่าง สี่พระยา สาขาวิจิตรศิลป์ มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ โดยอาศัยช่วงเวลาว่างจากงานประจำมาช่วยงานจิตอาสา
“ผมได้รับรู้ว่าพระองค์ท่านเหน็ดเหนื่อยเพื่อประชาชนมามาก โครงการในพระราชดำริต่างๆ พระองค์ทรงประทานเพื่อคนไทย จึงเกิดความซาบซึ้งใจ ในฐานะที่ผมเป็นหนึ่งในผู้ที่น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณจึงนำความสามารถด้านศิลปะมาช่วยเท่าที่พอจะทำได้ เพื่อตอบแทนบุญคุณของพระองค์ แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่ผมตั้งใจทำอย่างดีที่สุดเพื่อพระองค์” นายกฤติพงศ์ กล่าว
ต่อมาเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนเบญจมราชาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำข้าวสารจำนวน 100 ถุงๆ ละ 1 กิโลกรัมมาแจกจ่ายให้กับประชาชน โดยน.ส.บุษบา มังคุด นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 กล่าวว่า ตนมีญาติทำโรงสีอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ แล้วช่วงเวลาที่ผ่านมาเห็นว่า ราคาข้าวสารค่อนข้างสูงจึงระดมเงินทุนกับเพื่อนในห้องซื้อข้าวจากญาติ ใช้งบประมาณ 3,000 บาท สั่งซื้อข้าวจากญาติและนำมาแจกให้กับประชาชนที่เดินทางมาท้องสนามหลวง
น.ส.บุษบา กล่าวต่อว่า เป็นครั้งแรกที่ตนกับเพื่อนๆ ได้ร่วมกันช่วยเหลือประชาชนที่ลำบากหลังจากนี้คิดว่าจะหากิจกรรมจิตอาสาร่วมกับเพื่อนๆ ทำต่อ เพราะมีงานอาสาอีกจำนวนมากที่สามารถทำได้ ส่วนครอบครัวตนทำธุรกิจร้านแว่นตนคิดว่า อาจจะคุยกับพ่อแม่หาทางนำแว่นตามาแจกจ่ายต่อไป
