รายงานพิเศษ

ตลาดรถยนต์ “ไฮบริด” หรือลูกครึ่งน้ำมัน+ไฟฟ้า กำลังมาแรงในเมืองไทย แทบทุกค่ายรถจะต้องมีเซ็กเมนต์นี้เป็นทางเลือก

เช่นเดียวกับตลาดรถหรู ก็ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะรถที่ซดน้ำมันเยอะๆ อย่าง “เอสยูวี” ยิ่งถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของผู้บริโภค

ตลาดเอสยูวีกลุ่มยุโรปยามนี้มี 3 รุ่นหลักๆ เป็นรถเอสยูวีแบบปลั๊กอินไฮบริด ประกอบด้วย เมอร์เซเดส-เบนซ์ “จีแอลอี 500 อี 4 เมติก” (GLE 500 e 4MATIC), บีเอ็มดับเบิลยู “เอ็กซ์ 5 เอ็กซ์ไดร์ฟ 40 อี” (X5 xDrive 40e) และ วอลโว่ “เอ็กซ์ซี 90 ที 8” (XC90 T8)

จึงถือโอกาสนำมาเทียบฟอร์มกันว่า รุ่นไหนมีจุดเด่นอะไรบ้าง

เริ่มที่เจ้าตลาดรถหรูบ้านเรา เมอร์เซเดส-เบนซ์ “จีแอลอี 500 อี 4 เมติก” ใช้กระจังหน้าขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยกระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมียมแบบ 2 แถบ พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตรงกลาง เส้นสายหลังคาถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทางด้านท้าย

ภายในดูเรียบหรูแต่แฝงอารมณ์สปอร์ต ด้านบนของคอนโซลหน้า และด้านบนของแผงหุ้มประตูหุ้มด้วยหนัง Artico พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมระบบผ่อนแรงและปรับ น้ำหนักตามความเร็วรถ

ระบบแอร์อัตโนมัติ THERMATIC แบบ 2 โซน

ระบบ COMAND Online, ระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon Logic 7 และฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apply CarPlay)

ตกแต่งไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 3 สี

ใช้เครื่องยนต์เบนซิน แบบวี เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ 6 สูบ 2996 ซีซี กำลังสูงสุด 333 แรงม้า กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ 116 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตร

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 245 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ “7G-TRONIC PLUS” แบบ DIRECT SELECT พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ ที่พวงมาลัย

แบตเตอรี่แบบ “ลิเธียม ไอออน? ชาร์จไฟเต็มในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียว 30 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง

มี 2 รุ่นย่อย ราคา 4,490,000-4,990,000 บาท
2
ถัดมา วอลโว่ “เอ็กซ์ซี 90 ที 8” มีด้านหน้าเป็นเอกลักษณ์ที่เห็นแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นรถจากสวีเดน กระจังขนาดใหญ่มีเส้น โครเมี่ยมพาดทแยง

สะดุดตาสุดไม่พ้นไฟหน้าดีไซน์ใหม่ โดยจำลองแบบ “ค้อนแห่งเทพเจ้าธอร์? มีไฟแอลอีดีคาดแบ่งครึ่งทำให้ทรงพลัง ฝา กระโปรงหน้าเพิ่มเส้นสันใหม่ ไฟท้ายรูปทรงแปลกใหม่เรียกว่าไม่เคยเห็นกันมาก่อน

ภายในเน้นความหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นหนังหรือว่าลายไม้ดูหรูหราจริงๆ

ระบบสื่อสารที่ควบคุมเทคโนโลยี และระบบข้อมูลขับขี่อัจฉริยะ หน้าจอสัมผัสแบบแท็บเล็ตขนาด 9 นิ้วบริเวณกลางแดชบอร์ด

ควบคุมเครื่องเสียงชุด ใหญ่ ระบบโทรศัพท์ ระบบเนวิเกเตอร์ และควบคุมสั่งการระบบความปลอดภัยต่างๆ

เบาะนั่งหนังแท้ชั้นดี โอบกระชับเข้ารูป มี 7 ที่นั่ง

ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง เทอร์โบชาร์จ/ซูเปอร์ชาร์จ 1969 ซีซี กำลังสูงสุด 320 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตัน-เมตร กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 87 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตัน-เมตร

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 5.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ เดินหน้า 8 สปีดพร้อม Geartronic

กระแสไฟฟ้าชาร์จแบตเตอรี่สูงสุด ที่ 16A สามารถชาร์จไฟเต็มโดยใช้เวลาเพียง 2.5 ชั่วโมง พลังงานไฟฟ้าวิ่งได้ไกลสุด 40 กิโลเมตร

สนนราคา 4,490,000 บาท
3
ปิดท้ายที่ บีเอ็มดับเบิลยู”เอ็กซ์ 5 เอ็กซ์ไดรฟ์ 40 อี”ภายนอกคุ้นตาด้วยกระจังหน้าแบบ “ไตคู่” กันชนหน้าออกแบบให้มีช่องรับลมขนาดใหญ่ ตอกย้ำความเป็นรถสปอร์ต ทั้งยังช่วยรีดอากาศและเพิ่มความลู่ลมมากขึ้น

ไฟหน้าแบบทรงกลม 4 ดวงอยู่ใน กรอบใส เส้นสายด้านข้างดูโฉบเฉี่ยวตามสไตล์รถแนวสปอร์ต

ด้านในเน้นความหรูหราและความสง่างาม วัสดุหุ้มเบาะและสันภายในสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามที่ลูกค้าต้องการว่าจะใช้สีอ่อน หรือเข้ม

พร้อมแสงไฟสร้างบรรยากาศแบบ แอมเบียนท์ มีปุ่มควบคุมระบบสัมผัส iDrive ใหม่ และจอ Control Display

ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 113 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 6.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาเพียง 2.45 ชั่วโมง

วิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 30 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ราคา 5,399,000 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน