หากพูดถึง “ดูคาติ” รถสองล้อหรูจากอิตาเลี่ยน คงมีหลายโมเดลที่ตราตรึงในหัวใจนักบิด ไม่ว่าจะตระกูลเน็กเก็ตไบค์อย่าง มอนเตอร์(Monster) รสสปอร์ตสุดโฉบเฉี่ยวอย่าง พานิกาเล่ (Panigale) หรือจะแนวทัวร์ริ่งอย่างมัลติสตราด้า (Multistrada) ก็เป็นเซ็กเม้นต์ที่ได้รับความนิยมในไทยอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับโมเดลอย่าง “สแครมเบลอร์” นั้นอาจจะยังใหม่นักสำหรับบ้านเรา แต่ความจริงแล้วมีต้นกำเนิดสายพันธ์มาตั้งแต่ปี 1962 นู้นนนนน..
สำหรับ สแครมเบลอร์ นั้นเป็นรถที่ถูกออกแบบมาให้สามารถสนุกได้ทุกรูปแบบการเดินทาง ไม่ว่าจะทางเรียบหรือออฟโร้ด ก็สามารถไปได้หมด ซึ่งในโมเดลแรกตั้งแต่ปี 1962 นั้นจะเป็นเครื่องยนต์สูบเดี่ยว แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปสแครมเบลอร์ก็ได้ปรากฎตัวออกมาด้วยกันอีกหลายรุ่นเช่นเดียวกัน ก่อนที่จะเงียบหายจากตลาดไปหลายปีดีดักก่อนที่จะมาเปิดตัวอีกครั้งกับคอนเซ็ปต์ใหม่ในปี 2014 กับเครื่องยนต์ขนาด 803 ซีซี ที่ถูกยกจากโมเดล Monster 795
SAMSUNG CSC
และเมื่อปีที่แล้วในไทยได้มีการเปิดตัวสแครมเบลอร์ ขึ้นมาอีกรุ่นนั้นก็คือ สแครมเบลอร์ ซิกตี้ทู (Scrambler Sixty2) เพื่อให้เป็นรถเอ็นทรีคลาสคันแรกสำหรับสาวกดูคาติ ด้วยค่าตัวที่เข้าถึงได้ง่าย 279,900 บาท ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 400 ซีซี เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ยังหาตัวตนไม่เจอ ว่าตัวเองนั้นจะมีรถคันที่สองเป็นสายไหน สปอร์ต , ทัวร์ริ่ง , หรือวิบากดี
SAMSUNG CSC
หลังข่าวสดขึ้นคร่อมบอกเลยว่าสำหรับท่านั่งนั้นค่อนข้างสบาย เบาะสูงเพียง 790 มม. แฮนด์บาร์ทรงกว้างเอื้อให้การขับขี่คล่องตัวไม่เมื่อย แต่องศาการหักเลี้ยวค่อนข้างน้อยวงเลี้ยวรถจึงกว้างหากต้องไปขี่ในเมืองในจังหวะซอกแซกอาจต้องโยกกันหน่อย ส่วนการเดินทางนอกเมืองหรือออกทริปนั้นค่อนข้างสบาย แต่เบาะนั่งให้ความรู้สึกแอบแข็งไปนิดนึงอ่ะนะ แต่พอรับไหว
เครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี ระบายความร้อนอากาศ ให้ความมั่นใจในระยะยาวเนื่องจากดูแลรักษาง่ายกว่าระบบระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ แต่ด้อยกว่านิดเพราะความร้อนสะสมมีสูง กำลังเครื่องยนต์อาจเป็นรองและต้องหมั่นเปลี่ยนถ่ายบ่อยขึ้น อีกทั้งความร้อนยังแผ่ออกมาที่ระหว่างขาจนรู้สึกได้ชัดเมื่อจอดแต่ถือว่าไม่มาก
ส่วนอัตราเร่งนั้นทำออกมาได้ไม่ขี้เหร่ทีเดียว โดยเฉพาะรอบต้นที่ค่อนข้างจัดจ้านเนื่องจากอัตราทดค่อนข้างจัด สเตอร์หน้า-หลัง มีเบอใหญ่ขนาด 15-48 ฟัน จึงทำให้เครื่องยนต์รีดแรงม้าและแรงบิดออกมาได้รวดเร็ว แต่แรงปลายก็แผ่วไปตามระเบียบเช่นกัน โดยความเร็วสูงสุดเท่าที่ทำได้อยู่ที่ 160 กม./ชม. (น้ำหนักผู้ทดสอบ90 กก. ) แต่ทั้งนี้ด้านอัตราการบริโภคน้ำมันถือว่าประหยัดพอตัว การเดินทางที่ความเร็ว 100-120 กม./ชม. กินน้ำมันเฉลี่ย 20-25 กม./ลิตร ทำให้พิสัยเดินทางต่อถัง(14ลิตร) ทำได้มากกว่า 300 กม./ถัง
SAMSUNG CSC
SAMSUNG CSC
ระบบช่วงล่างที่ให้มาค่อนข้างใช้งานได้หลากหลายทั้งออฟโร้ดเบาๆไม่หนักมากและบนถนนทั่วไป ส่วนระบบดิสเบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลังพ่วงระบบ ABS ก็ช่วยให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นเมื่อต้องใช้บนถนนลื่นซึ่งยังสามารถเข้าไปปิดการทำงานได้ ส่วนยางเดิมๆที่ให้มาเป็นยางกึ่งทางวิบาก ช่วยให้ลุยได้แบบพอหอมปากหอมคอเน้นใช้บนถนนมากกว่า กับขนาดวงล้อหน้า 18 นิ้วรัดด้วยยาง 110/70 ด้านหลังวงล้อ 17 นิ้ว ขนาด160/60
สรุปแล้ว สแครมเบลอร์ ซิกตี้ทู ได้มอบความสบายของท่านั่งและความเอนกประสงค์สำหรับการใช้งานที่ถือว่าค่อนข้างรอบด้าน ทั้งการขับขี่ใช้งานในเมืองหรือออกทริปที่ไม่เร่งรีบจุดนี้สายชิลน่าจะชอบ ไฟหน้ายามเดินทางกลางคืนค่อนข้างส่องได้สว่างสะใจ แต่ลำแสงอาจจะแยงตารถที่วิ่งสวนทางมาบ้างแต่ถือว่าเป็นการเพิ่มจุดสังเกตุที่ดี เครื่องยนต์ดูแลรักษาง่ายและมีความประหยัด เหมาะสำหรับตำแหน่งรถคันแรกเพื่อการเรียนรู้และสนุกไปกับการท่องเที่ยวด้วยสองล้อ ก่อนจะก้าวสู่คันอื่นๆต่อไป
ส่วนราคานั้นเปิดตัวที่ 282,000 บาท หากเทียบกับซีซีที่ได้รับอาจดูน้อยไปนิด แต่หากเทียบกับสไตล์ที่ไม่ซ้ำใครและความมีระดับในแบบอิตาเลี่ยนสไตล์ก็น่าสนุกไม่น้อย
ภัทรฉัตร วิเชียรสรรค์ – เรื่อง+ภาพ
สเปค
เครื่องยนต์ เบนซิน 2 สูบ L-twin ระบายอากาศ
ขนาด 399 ซีซี
เกียร์ 6 จังหวะ
แรงม้าสูงสุด 41 แรงม้า/8,750 รอบฯ
แรงบิดสูงสุด 34.3 นิวตันเมตร/ 7,750 รอบฯ
น้ำหนักรวม 183 กก.
มิติ กว้างยาวสูง 860×2,150×1,165 มม.
ราคา 282,000 บาท
สำหรับแฟนๆข่าวสดที่สนใจและอยากให้ข่าวสดรีวิวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นไหน ก็ส่งEmail มาได้ที่ [email protected] แล้วเราจะไปเสาะแสวงหามาให้ทราบกันถึงสมรรถนะแบบจัดเต็ม
SAMSUNG CSC
SAMSUNG CSC
