คอลัมน์ ยานยนต์

รายงานพิเศษ

แม้ปีวานรที่เพิ่งผ่านพ้นไป จะมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลให้ตลาดรถยนต์บ้านเราไม่กระเตื้องขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างที่คาดเอาไว้ หลายค่ายต้องเบ่งพลังกันอย่างเต็มที่

ขณะที่ปีไก่นี้เดิมทีนึกว่าจะไม่คึกคัก แต่พอลงมือตรวจสอบจริงจังต่างเตรียมตัวเก่งไว้ลงสนามกันแทบทุกค่าย ทำให้ปีนี้สนุกกว่าที่คิด ไว้เยอะ

ประเดิมต้นปีด้วย “ฮอนด้า” ปีนี้มาเร็วกับ “ซิตี้” เปิดตัวเป็นรุ่นแรกของปี ดีเดย์วันที่ 12 ม.ค. ที่จะถึงนี้ แม้จะเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ แต่เป็นการบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ หรือที่ฮอนด้าเรียกว่า “ไมเนอร์ โมเดล เชนจ์” ภายนอกดูหรูหราขึ้น ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างตอนกลางวัน

ตามมาด้วยครอสโอเวอร์ เอสยูวี รุ่นใหญ่ด้วย”ฮอนด้า ซีอาร์-วี”ใหม่ รูปร่างดูใหญ่ขึ้น ขณะที่เส้นสายโค้งมน ติดตั้งไฟส่องสว่างเวลากลางวันเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น ไฟท้ายดีไซน์ใหม่

ภายในดูกว้างขวาง เบาะหลังสามารถพับได้แบบ 60:40 หน้าจอระบบสัมผัส 7 นิ้ว รองรับระบบนำทาง HONDA LINK ที่สนับสนุนระบบแผนที่โดย GARMIN เชื่อมต่อกับ APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO เพื่อความบันเทิงเต็มรูปแบบ

เครื่องยนต์ มีทั้งที่ใช้ตัวเดิม เบนซิน 4 สูบ 2.4 ลิตร แต่ปรับแต่งให้ได้กำลังแรงขึ้น ส่วนที่เพิ่มเติมคือเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ บล็อกเดียวกับที่วางใน “ฮอนด้า ซีวิค”

รวมถึงมีความเป็นไปได้สูงมาก ว่าฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ จะเป็นรุ่นแรกของค่ายนี้ในบ้านเรา ที่มีเครื่องยนต์ดีเซลให้ได้ใช้งานกัน เพราะแว่วว่าตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ทีมงานวิศวกรฮอนด้า ทดสอบเครื่องยนต์ดีเซลตัวนี้อย่างหนักที่บ้านเรา รวมถึงพิจารณามาตรฐานน้ำมันดีเซลที่ขายอยู่ว่ามีผลกับเครื่องยนต์หรือไม่

แฟนพันธุ์แท้”ฮอนด้า ซีวิค”ปีนี้มีลุ้นว่า”ซีวิค แฮชแบ๊ก” 5 ประตู จะเปิดตัวให้จับจองเป็นเจ้าของกันหรือไม่ ถ้ามาจริงยอดขายน่าจะถล่มทลายไม่ต่างจากรุ่นซีดาน ขณะที่เครื่องยนต์น่าจะยังคงมีทั้งขนาด 1.8 และ 1.5 เทอร์โบ เหมือนเดิม

ค่าย “นิสสัน” ถึงเวลาส่ง “อีโค คาร์ เฟส 2” ลงตลาดวันที่ 17 ม.ค. คือ “นิสสัน โน้ต” รถไซซ์เล็กสุดฮิตในแดนปลาดิบ ด้วยความน่ารักน่าชัง เชื่อว่าน่าจะโดนใจนักเลงรถเล็กเมืองไทย และสร้างยอดขายได้ไม่น้อยหน้า อีโค คาร์ เฟสแรกอย่าง “นิสสัน มาร์ช” แน่นอน

ส่วน “นิสสัน ซิลฟี่” ได้เวลาต้องขยับปรับแต่ง เพื่อให้ดูสดใส ยิ่งขึ้น

ค่ายซูมซูม “มาสด้า” เปิดตัว “มาสด้า 3 ใหม่” มาในช่วงปลายเดือนม.ค. ซึ่งที่จริงตั้งใจว่าจะมาช่วงปลายปีที่แล้วในงาน “มอเตอร์ เอ็กซ์โป” แต่บรรยากาศไม่ค่อยเอื้อเท่าไหร่ จึงเลื่อนมาเปิดในปีนี้แทน

ใส่เทคโนโลยีทั้งเรื่องสมรรถนะ ความสะดวกสบายในการขับขี่ และความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีกเพียบ

ขณะที่มาสด้า “ซีเอ็กซ์-5” โมเดลเชนจ์ ซึ่งจะเป็นต้นแบบของเจนเนอเรชั่นล่าสุด ของมาสด้ารุ่นต่อไป หน้าตาคมเข้ม ทันสมัยกว่าเดิม กระจังหน้าลายตาข่ายขนาดใหญ่ ลึกเข้าไปจากฝากระโปรงด้านหน้า ทำให้ดูมีมิติ และความปราดเปรียวมากขึ้น

ขุมกำลังยังคงเป็นบล็อกเดิม เบนซิน สกายแอ๊กทีฟ-จี 2.0 และ 2.5 ลิตร และสกายแอ๊กทีฟ-ดี 2.2 ลิตร แต่ที่เพิ่มขึ้นคือเทคโนโลยีระบบควบคุมการทรงตัว G-VECTORING CONTROL แปรผันแรงบิดให้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่ขณะเข้าโค้ง

โตโยต้า ปีนี้เอาแน่กับ “อีโค คาร์” ซีดาน 4 ประตู และน่าจะเป็น “วีออส” เก๋งรุ่นดังมาตีตั๋วเด็ก เพราะเห็นความสำเร็จทั้ง “ซูซูกิ สวิฟต์” และ “มาสด้า 2”

ส่วนดีไซน์น่าจะไม่ต่างจาก “วีออส แฮชแบ๊ก” 5 ประตู ที่เปิดตัวโชว์ในงาน กว่างโจว มอเตอร์โชว์ เมื่อปลายปีที่แล้วไปสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะด้านหน้า ขณะที่ด้านท้ายน่าจะยังคงกลิ่นอายของวีออสรุ่นปัจจุบันที่โฉบเฉี่ยวดูดีอยู่แล้ว ได้ฤกษ์ปล่อยของเดือนส.ค. โน่น แฟนพันธุ์แท้ยังพอมีเวลาหยอดกระปุกรอ

อีกรุ่นที่แฟนรอคอยมานานคือ “ซีเอช-อาร์” รถครอสโอเวอร์ ที่โตโยต้าเมินตลาดนี้มาตลอด ได้ฤกษ์เข้ามาขย่มตลาดเมืองไทย

ดีไซน์ที่ออกสไตล์รถคูเป้ ทำให้กลายเป็นรถครอสโอเวอร์ท้ายลาด การออกแบบ KEEN LOOK DESIGN ไฟคาดยาวตั้งแต่เหนือซุ้มล้อ จนถึงบริเวณกระจังหน้า ช่องดักอากาศด้านล่างกันชน เส้นสายด้านข้างโค้งมน ประตูหลังถูกออกแบบให้เหมือนรถสไตล์คูเป้

ขุมกำลังเคื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 150 แรงม้า แรงบิด 193 นิวตัน-เมตร เกียร์อัตโนมัติ CVT และรุ่นท็อปที่แตกต่างจากคู่แข่ง เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร เทอร์โบ ทำงานควบคู่กับระบบไฮบริด เกียร์อัตโนมัติ CVT ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และ 2 ล้อ

เทคโนโลยีอัดแน่นสมกับรูปลักษณ์ที่ดูอวกาศ ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบแจ้งเตือนรถออกนอกเลน ระบบปรับลดไฟสูงอัตโนมัติ ระบบตรวจจับคนเดินเท้า ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ ลดการโคลงของตัวรถ และเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมรถ ด้วยการปรับให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำ

ดูท่าแล้วตลาดรถครอสโอเวอร์บ้านเราในปีไก่ชนนี้จะทะลักจุดเดือดสักแค่ไหน

เจ้าพ่อรถเล็กอย่างค่าย “ซูซูกิ” แม้ในต่างประเทศจะมีภาพ “สวิฟต์ ใหม่” ออกมาให้ได้เห็นกัน ว่ากันว่าโดนใจนักเลงรถแบบเต็มๆ ด้วยความที่การออกแบบมาในลักษณะ อิตาเลียนดีไซน์ กระจังหน้า และช่องดักลมที่กันชนขนาดใหญ่สอดรับกันอย่างลงตัว แต่กับบ้านเราคงต้องร้องเพลงรอไปก่อน นัยว่าอาจจะไม่ทันในปีนี้

แต่ที่มาแน่ๆ แบบไม่ต้องแช่แป้ง “มอเตอร์โชว์” ที่จะถึงนี้ ได้พบกับซูซูกิ สวิฟต์ รุ่นพิเศษ ตกแต่งให้สปอร์ตเหนือชั้นขึ้นไปอีกขั้น

“ทรีไดมอนต์” มิตซูบิชิ ปีที่แล้วเพลิดเพลินกับยอดขาย รถปิกอัพดัดแปลง (พีพีวี) มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต มาปีนี้น่าจะได้เวลาต้องปรับโฉมแบบมโหฬาร กับอีโค คาร์ ทั้ง 2 รุ่น โดย “มิราจ” เจอกันช่วงครึ่งปีแรก ส่วน “แอททราจ” ผ่านครึ่งปีไปแล้วค่อยเผยโฉม ดีไซน์จะออกมาดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมแค่ไหน โปรดอดใจรอ

ค่ายรถยนต์จากแดนกิมจิ “ฮุนได” เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า จากเดิมที่ส่วนใหญ่เน้นขายรถเอ็มพีวี ขนาดใหญ่ “ฮุนได เอช-1” เป็นหลัก ปีนี้เอาจริงกับ “ฮุนได ทูซอน” เอสยูวี เจเนอเรชั่นล่าสุด ที่เผยโฉมในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป ปลายปีที่แล้ว

กระจังหน้าขนาดใหญ่ แถบโครเมียมลายขวาง 3 แถว ภายในเน้นความเรียบหรู พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ระบบแอร์แยกอิสระ ติดตั้งระบบฟอกอากาศมาให้พร้อม เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง พร้อมเทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูเลอร์ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า เกียร์แบบอัตโนมัติ 6 สปีด ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ FULL-TIME ON DEMAND

ข้ามมาฝั่งรถหรู “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ช่วง 2 ปีที่ผ่านมากระหน่ำเปิดตัวรถรุ่นใหม่ แบบยิงสลุตรวมแล้วกว่า 20 รุ่น เฉลี่ยตกเดือนละรุ่น ส่วนปีนี้ค่ายดาวสามแฉกมีรุ่นรถเปิดตัวน้อยลงหน่อย แต่ที่มาชัวร์ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส คูเป้” ดีไซน์สปอร์ต ลักชัวรี่ น่าจะทำให้นักเลงรถหรูเมืองไทยต้องมนต์ได้ไม่ยาก

ค่ายกังหันฟ้า-ขาว “บีเอ็มดับเบิลยู” ถึงรอบของ “ซีรีส์ 5” ปรับใหญ่ ดีไซน์ภายนอกไม่ต้องเดาให้ยาก นึกถึง “ซีรีส์ 7” ที่ทำตลาดอยู่ขณะนี้ แล้วย่อส่วนลงนิดหน่อย นั่นแหล่ะใช่เลย

พูดถึงค่ายนี้แล้ว ต้องบอกว่าเค้าให้ความสำคัญกับรถยนต์พลังงานทางเลือกมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะหลังจากเปิดตัวปลั๊กอิน ไฮบริด กันไปแล้ว 3 รุ่นเมื่อปีที่แล้ว มาปีนี้มี “บีเอ็มดับเบิลยู 740 Le i Performance” ปลั๊กอิน ไฮบริด ตัวล่าสุดมาเสริมทัพ

สมรรถนะจี๊ดจ๊าดสะใจขาซิ่งแน่นอน ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร BMW TwinPower Turbo 258 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตัน-เมตร ที่ไปกวาดรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 3 สมัย เป็นเครื่องการันตี

ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้า เพิ่มกำลังให้กับรถได้สูงสุดอีก 113 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 5.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ปีนี้แต่ละค่ายคงบดกันสนุกเพื่อช่วงชิงตลาด และโกยยอดขายชดเชยกับ”ขาลง”ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นานาทัศนะผู้บริหารค่ายรถ-พยากรณ์ตลาดปี”ไก่”

นายฮิโรยาสุ ซาโต้ รองกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ “อีซูซุ” กล่าวว่า ในปี 2560 ปัจจัยบวกในประเทศยังมีอยู่ค่อนข้างมาก ทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับการบริโภคในประเทศที่มากขึ้น ขณะที่รัฐบาลมีการ กระตุ้นเศรษฐกิจอย่งต่อเนื่อง จากโครงการขนาดใหญ่ รวมถึงโรดแม็ปที่วางไว้ อีกทั้งคาดว่าภาคการเกษตรในปีนี้จะมีราคาที่ดี จากแรงส่งตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว

คาดว่าตลาดรถยนต์โดยรวมจะเติบโตได้ 3-5% แต่หากได้ปัจจัยหนุนจากภายนอก โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกหากมีทิศทางที่ดีขึ้น ก็จะทำให้การส่งออกของประเทศไทยขยายตัวตาม ก็จะกระตุ้นให้เกิดการซื้อรถมากขึ้น อาจจะส่งผลให้ขยายตัวไปได้ถึง 10% แต่ทั้งนี้เป็นปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะมีความละเอียดอ่อนค่อนข้างมาก

นายเวล ฟาร์กาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) มองว่าตลาดรถยนต์ในปี 2560 จะขยายตัวมากกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการกำหนดให้มีการเลือกตั้ง ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น ส่งผลต่อการออกมาจับจ่ายใช้สอย นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ ของภาครัฐ มีเงินหมุนเวียนเข้ามาในระบบมากขึ้น ตลาดรถยนต์โดยรวมจะเติบโตได้ 5% ไปอยู่ที่ 780,000-790,000 คัน

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขาย และการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้ ตลาดรถยนต์จะขยายตัวค่อนข้างมาก เพราะจากการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศน่าจะขึ้นไปได้ถึง 3.5-3.6 ทำให้เกิดการบริโภคมากขึ้นกว่าในปีที่แล้วค่อนข้างมาก โดยตลาดรถยนต์จะขยายตัวทั้งในส่วนของรถเก๋ง ที่ได้ปัจจัยหนุนเพราะเป็นปีที่กลุ่มผู้ที่ซื้อรถยนต์ ในโครงการรถคันแรกครบกำหนด 5 ปี สามารถนำรถออกมาขายได้ ซึ่งจะทำให้มีเจ้าของรถโครงการนี้กลุ่มหนึ่งใน 1.1 ล้านคัน นำรถมาเปลี่ยนคันใหม่อย่างแน่นอน

ขณะที่รถปิกอัพได้รับแรงส่งจากราคาพืชผลทางการเกษตรที่ดี ประกอบกับภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มดีขึ้น มองว่าตลาดรวมรถยนต์ในปีนี้จะไปได้ถึง 840,000 คัน หรือเติบโตขึ้น 10% เทียบกับปี 2559

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน