866กม.‘ย่างกุ้ง’ถึง‘มัณฑะเลย์’

พิสูจน์นิสสัน‘เอ็กซ์เทรล-เทอร์ร่า’

โดย กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

866กม.‘ย่างกุ้ง’ถึง‘มัณฑะเลย์’ พิสูจน์นิสสัน‘เอ็กซ์เทรล-เทอร์ร่า’ : ข่าวสดยานยนต์ – ประเทศเมียน มากลายเป็นเส้นทางยอดฮิตติดดาวไปในทันที หลังจากเปิดประเทศไปไม่นาน ด้วยเพราะความสดของธรรมชาติ รวมถึงอารยธรรมต่างๆ ที่คอยกวักมือเรียกให้ใครต่อใครเข้าไปเยี่ยมชมกันไม่ขาดสาย

ล่าสุดค่ายนิสสันจัดทริปทดสอบรถยนต์ให้ผู้สื่อข่าวจากประเทศไทยเข้าไปสัมผัสบรรยากาศกันอย่างเต็มที่ 3 กลุ่ม รวมระยะมากกว่า 3,000 ก.ม. ภายใต้คอนเซ็ปต์

“ลุยได้ทุกที่ Nissan Intelligent Driving Experience (N.I.D.E.) Go Anywhere”

กลุ่มแรกออกเดินทางจากกรุงเทพฯ วิ่งเข้าประเทศเมียนมาฝั่ง จ.กาญจนบุรี ขึ้นเหนือสู่เมืองย่างกุ้ง ระยะทาง 1,029 ก.ม. กลุ่มต่อมารับไม้ต่อที่ย่างกุ้ง ขึ้นเหนือ ต่อไปอีกจนถึงเมืองมัณฑะเลย์ ระยะทาง 866 ก.ม.

กลุ่มสุดท้ายจากมัณฑะเลย์วกกลับเข้าเมืองไทย สิ้นสุดทริปนี้ที่ จ.เชียงราย ระยะทางอีก 1,015 ก.ม.

‘ข่าวสด ยานยนต์’ ได้รับเทียบเชิญให้เข้าร่วมทริปในกลุ่มสอง รับไม้ต่อที่เมืองย่างกุ้ง อดีตเมืองหลวงของประเทศเมียนมา มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงปัจจุบัน กรุงเนปยีดอ ต่อกันที่เมืองพุกาม ไปสิ้นสุดที่มัณฑะเลย์

ทั้งหมดเป็นเส้นทางที่ยังไม่เคยเดินทางไป จึงน่าสนใจไม่น้อย

ถึงเมืองย่างกุ้งแต่เช้ารับฟังข้อมูลการเดินทาง รวมถึงว่าใครจะได้ขับรถคันไหนกับใครบ้าง

พร้อมออกเดินทาง ‘ข่าวสด ยานยนต์’ รับอาสาเป็นผู้ขับไม้แรก กับ ‘นิสสัน เอ็กซ์เทรล ใหม่’ ซึ่งถือว่าค่อนข้างโชคดี ด้วยเพราะนอกจากจะเป็นรถที่ขับง่าย กับความเป็น SUV แท้ ที่ให้ความ นุ่มนวล และสมรรถนะที่พร้อมจะสมบุกสมบันได้เต็มที่แล้ว ยังอัดแน่นไปด้วยระบบความปลอดภัยที่มีอยู่รอบคัน

เหมาะอย่างยิ่งกับการจราจรอันคับคั่ง และสับสนอลหม่านในเมืองย่างกุ้ง ที่วินัยการใช้ถนนไม่ว่าจะเป็นคนที่เดินอยู่น่าท้อแท้เหลือเกิน เพราะนึกอยากข้ามถนนก็ก้าวฉับทันทีไม่มีมองขวาแลซ้าย หรือบรรดาสิงห์มอเตอร์ไซค์ที่ขี่ได้ฉวัดเฉวียนน่าเวียนหัวเหลือเกิน

ทั้งยังมีรถสาธารณะที่ทั้งจอดและขับในลักษณะเจ้าถิ่น ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งสิ้น

แต่อย่างที่บอกว่าระบบต่างๆ ของเอ็กซ์เทรลช่วยลดความเครียดให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Intelligent Cruise Control) รักษาระยะห่างที่ตั้งไว้กับรถคันหน้า รถจะเร่งหรือลดความเร็วตามขบวนตามสถานการณ์

เทคโนโลยีเตือนก่อนการชนด้านหน้า (Intelligent Forward Collision Warning) ที่ทำงานร่วมกับเบรกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Braking) ตรวจจับการหยุดกะทันหันของรถคันหน้าในเลนเดียวกัน พร้อมแจ้งเตือนผู้ขับขี่ และสั่งการระบบเบรกเพื่อลดความเสี่ยงจากการชน

ออกนอกเมืองเริ่มหายใจคล่องขึ้นเพราะเข้าไปขับบนถนนไฮเวย์ระหว่างเมือง เริ่มต้นจากเมืองย่างกุ้งไปสิ้นสุดที่เมือง มัณฑะเลย์ ถ้าเทียบกับบ้านเราก็มอเตอร์เวย์นั่นเอง ทำให้สามารถเพิ่มความเร็ว แต่ถึงกระนั้นก็ได้เร็วสุดที่ 100 ก.ม./ชั่วโมง

ถ้าเร็วกว่านั้นต้องเสี่ยงกับกล้องจับความเร็วที่มีอยู่จำนวนมาก อีกทั้งกฎหมายที่ประเทศเมียนมานี่ขึ้นชื่อว่าเฮี้ยบมาก ดังนั้นแล้วจึงไม่ควรเสี่ยง

ลืมบอกไปอย่างว่าวันนี้ประเทศเมียนมากำลังอยู่ในระหว่างเปลี่ยนผ่านการขับรถพวงมาลัยซ้ายมาเป็นพวงมาลัยขวา เพราะต้องการที่จะให้เหมือนกับหลายประเทศในอาเซียน แต่เลนถนน ที่ใช้ยังคงให้วิ่งเลนขวาอยู่

จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงมีความสับสนอยู่บนถนนทั่วไป รถเก่าใช้พวงมาลัยซ้าย วิ่งเลนขวา ก็ปกติดี รถรุ่นใหม่เป็นพวงมาลัยขวา แต่มาขับเลนขวา ทำให้ดูแปลกๆ หน่อย

แม้จะเป็นถนนไฮเวย์ระหว่างเมืองที่มีฝั่งละสองเลน แต่ความเรียบของถนนไม่ได้ต่างจากเส้นอื่นเลยแม้แต่น้อย อาจด้วยเพราะก่อสร้างมานานแล้ว เทคโนโลยีการสร้าง รวมถึงอายุการใช้งานทำให้มีคลื่นเป็นลอนตลอดเส้นทาง

แต่ก็น่ะ…ความนุ่มนวลที่มีมาให้ของเอ็กซ์เทรลใหม่ ทำให้การขับขี่รู้สึกสุนทรีย์ขึ้นเยอะ ขณะที่อาการสั่นของพวงมาลัยที่มีน้อย ช่วยลดความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างมาก พร้อมทั้งยังบังคับทิศทางของล้อได้ดั่งใจ จากความคมที่มีมาให้อย่างพอตัว

ถึงกรุงเนปยีดอช่วงเย็นแสงกำลังสวย เหมาะที่จะเข้าไปนมัสการและเยี่ยมชมเจดีย์ ‘อุปาตสันติ’ เจดีย์ที่จำลองมาจากมหาเจดีย์ ชเวดากอง ที่เมืองย่างกุ้ง แต่สัดส่วนเล็กกว่านิดหน่อย ส่วนความขลังอลังการไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลยแม้แต่น้อย

เช้าวันต่อมา สลับไปใช้ ‘นิสสัน เทอร์ร่า’ รถพีพีวีที่ว่ากันว่าอัดแน่นเทคโนโลยีมากมาย ชนิดหายใจรดต้นคอรถ SUV บางคันกันเลยทีเดียว

ทัศนวิสัยดีเพราะรูปร่างสูงใหญ่ ช่วยให้เห็นด้านหน้าไปได้ไกล คาดคะเนสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้แม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากในเรื่องการเดาใจ ไม่ใช่เฉพาะแค่สี่แยกวัดใจเหมือนบ้านเรา แต่หมายรวมถึงทุกตารางนิ้วของถนน

ภารกิจวันนี้ไปสิ้นสุดที่เมืองแห่งเจดีย์ พุกาม ในมัณฑะเลย์ เส้นทางที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นถนนนอกเมืองค่อนข้างแคบ แม้รถใหญ่ รถเก๋ง น้อยกว่าเมื่อวาน แต่ที่ยังหนาตาคือมอเตอร์ไซค์ ทำให้ต้องเพิ่มความระแวดระวังขึ้นไปอีกเป็นเท่าทวีคูณ

ความรู้สึกเมื่อมานั่งหลังพวงมาลัย ‘เทอร์ร่า’ บอกเลยว่าห่างจากเจ้าเอ็กซ์เทรลมากโขอยู่ แม้ทีมงานนิสสันจะพยายามใส่เทคโนโลยีมาให้อย่างเหลือล้น แต่ด้วยเพราะช่วงล่างที่พัฒนามาจากรถปิกอัพ ความนุ่มนวลจึงมีมาให้ในระดับหนึ่งเท่านั้น

คราแรกคิดว่าเป็นเพราะถนนที่ต่างกัน แต่เอาเข้าจริงมีบางช่วงที่เข้าไปขับบนถนนไฮเวย์เหมือนๆ กัน ความนุ่มนวลก็ยังต่างกันอยู่ดี

นอกจากนี้กำลังของเครื่องยนต์ดีเซลทำให้บางจังหวะโดยเฉพาะช่วงเร่งแซงต้องรอรอบอยู่บ้าง ทำให้ทุกครั้งต้องดูให้แน่ใจจึงจะแซงออกไป แต่ถ้าใครที่ใช้รถปิกอัพเป็นประจำอยู่แล้ว อาการที่ว่ามาทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

ระหว่างทางแวะเข้าหมู่บ้านโอท็อป ผลิตภัณฑ์ชุมชน เกษตรกรสาธิตการทำน้ำมันจากถั่วลิสง โดยการใช้โม่บดขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าใช้คนโม่อาจจะถึงขั้นแขนหลุด จึงใช้วัวเทียมเข้ากับอุปกรณ์ที่ไปยึดโยงกับโม่ คนมีหน้าที่ควบคุมให้วัวเดินเป็นวงกลมไม่ดื้อรั้นจนเสียขบวน

จากนั้นไปดูการได้มาซึ่งน้ำตาลสด สารตั้งต้นในการไปทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งน้ำตาลสดดื่มชื่นใจ น้ำตาลปึกสีเข้มหอมหวานใช้ปรุงรสอาหารคาวหวาน และยังมีผลิตภัณฑ์ที่เคลือบด้วยน้ำตาล ให้เลือกชิมเลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็นขิงเคลือบน้ำตาล หวานหน่อยเผ็ดนิด มะขามเคลือบน้ำตาล หวานอมเปรี้ยว หรือจะเป็นมะพร้าวชุ่มน้ำตาล หอมหวานไม่ต่างจากมะพร้าวแก้วบ้านเรา

แต่ที่หลายคนสนใจเป็นพิเศษ คือวิธีการทำน้ำตาลเมา ที่มีรสหวานทานง่าย แต่ให้ฤทธิ์ในการเมาไม่แพ้เหล้าชนิดอื่น และเหล้ากลั่น ที่ใสเป็นตาตั๊กแตน แต่อานุภาพรุนแรงเหลือล้น ชนิดจุดไฟติดได้ราวกับน้ำมันเบนซินออกเทนสูง

เดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟพุกาม สถานีรถไฟที่มีความเก่าแก่ และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ความสวยงามของสถาปัตยกรรมของสถานี รวมถึงรถไฟที่มีอายุไม่ใช่น้อย น่าจะเป็นเสน่ห์ดึงดูดผู้ที่หลงใหลความคลาสสิคที่ยังใช้งานอยู่จริงในกาลปัจจุบัน

จากนั้นไปต่อกันที่สุดยอดไฮไลต์ของทริปนี้ ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์ เมืองพุกาม ซึ่งอยู่ในอาณาเขตของมัณฑะเลย์ มีเจดีย์ที่ก่อสร้างจากพุทธศาสนิกชน ตั้งแต่ชั้นกษัตริย์ไปจนถึงอาณาประชาราษฎร์จำนวนร่วม 4,000 องค์ แต่ที่ถือว่ายังสมบูรณ์อยู่มีประมาณ 2,700 องค์

การเข้าไปดูทะเลเจดีย์มีจุดชมและเส้นทางหลากหลาย ใครที่จะเข้าไปชมต้องศึกษากันดูว่าควรจะไปด้วยพาหนะใด รวมถึงจุดชมที่ดีที่สุด เหมาะสมกับเราที่สุดอยู่ตรงไหน แต่ที่ทีมงานนิสสันเลือกไปชมครั้งนี้บอกก่อนว่าอาจจะยังไม่ใช่จุดชมที่ดีที่สุด

เพียงแต่เลือกจุดนี้เพราะเส้นทางที่จะเข้าไปถึงนั้นต้องวิ่งลัดเลาะผ่านถนนแคบ ที่ตัดเข้าไปยังหมู่บ้านเล็กๆ เวลาจะเลี้ยวแต่ละทีต้องลุ้นว่าจะผ่านหรือต้องตั้งลำอีกครั้ง ทำให้หลายคนได้ทดลองใช้งานกล้องมองภาพรอบคัน (Intelligent Around View Monitor) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นสภาพรอบตัวรถ

ความแคบที่เป็นอุปสรรคก็ผ่านไปได้อย่างสบายมือ

วันรุ่งขึ้นเปลี่ยนสถานะจากพลขับไปนั่งเต๊ะจุ๊ยอยู่เบาะนั่งตอนสองของนิสสัน เทอร์ร่า ความนุ่มนวลไม่ต่างจากด้านหน้า คือไม่ถึงกับ SUV แท้อย่างนิสสัน เอ็กซ์เทรล แต่จะบอกว่ากระด้างจนกระเด้งกระดอนก็ไม่เชิง

ตัวเบาะนั่งค่อนข้างสั้นขณะที่พื้นห้องโดยสารตื้น ทำให้ต้องชันเข่าอยู่เล็กน้อย ดีว่าพนักหลังสามารถเอนได้บ้างพอช่วยคลายอิริยาบถพอสมควร รูปแบบถนนยังคงเป็นทางแคบแบบสองเลนสวน แต่คราวนี้เลาะเลียบแม่น้ำอิรวดี คดโค้งไปตามแนวแม่น้ำ ไปยังเมืองสะกาย และมิงกุน นครหลวงโบราณในอดีตของเมียนมา เมืองที่มีเจดีย์สีขาวตัวแทนแห่งความรัก ‘เมียะเต็งดานเจดีย์’ จากนั้นมุ่งหน้าสู่สนาม บินมัณฑะเลย์ เพื่อเดินทางกลับสยามประเทศ

ตลอดการเดินทางกว่า 800 ก.ม.ของกลุ่มสอง และเมื่อรวมทั้งหมดของการเดินทางในทริป “ลุยได้ทุกที่ Nissan Intelligent Driving Experience (N.I.D.E.) Go Anywhere” ร่วม 3,000 ก.ม.ในครั้งนี้ นอกจากจะได้สัมผัสกลิ่นอายอารยธรรม ความสดใหม่ของธรรมชาติของเมืองเมียนมากันอย่างเต็มที่แล้ว

ยังเป็นการพิสูจน์สมรรถนะ ความสะดวกสบาย และความแข็งแกร่งของรถนิสสันทุกคันที่ตะลุยผ่านอุปสรรค และถนนหลากหลายรูปแบบได้เป็นอย่างดี

ส่วนครั้งหน้า ‘นิสสัน’ จะจัดทริปเปิดเส้นทางในลักษณะนี้ที่ประเทศไหนต่อ….โปรดติดตาม