พันธกิจ‘ยามาฮ่า เดย์’ กิจกรรมดีๆ เพื่อสังคม : ข่าวสดยานยนต์
โดย กิตติพงศ์ ศรีเจริญ
พันธกิจ‘ยามาฮ่า เดย์’ กิจกรรมดีๆ เพื่อสังคม – กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของค่ายยามาฮ่าทั่วโลกกันแล้ว กับงาน ‘ยามาฮ่า เดย์’ จัดขึ้นทุกวันที่ 1 ก.ค. ซึ่งตรงกับ วันก่อตั้งยามาฮ่า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น
ปีนี้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 หลังจากที่ได้ริเริ่มจัดทำครั้งแรกหลังจากที่แบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ยามาฮ่า มีอายุครบ 60 ปี เมื่อปี 2558
‘สรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล’ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายสื่อสารการตลาดกลุ่มรถออโต เมติก และตราสินค้าฯ กล่าวถึงความสำคัญของวันนี้ว่า แบรนด์ยามาฮ่า ประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐาน 3 ลำดับขั้นด้วยกัน
ขั้นที่อยู่บนสุดคือพันธกิจของการเป็นองค์กรที่ยึดมั่นในปรัชญาคันโด หรือการสร้างความรู้สึกพึงพอใจอย่างลึกซึ้ง และความตื่นเต้นเร้าใจในเวลาเดียวกัน
ลำดับต่อมาคือ แบรนด์สโลแกน Revs your Heart เร่งชีวิตให้เร้าใจ
ลำดับสุดท้ายคือ วิถีอันเป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า ซึ่งประกอบไปด้วยการริเริ่ม ความสนุกสนาน ความมั่นใจ ความดึงดูดใจ และความผูกพัน
ค่านิยมเหล่านี้คือหลักการสำคัญที่ ยามาฮ่ายึดมั่นในการทำงานเสมอ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าสู่การเป็นองค์กรธุรกิจชั้นนำ สร้างความแข็งแกร่งผ่านการสร้างแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์จากภายในสู่ภายนอก
สําหรับกิจกรรมในปีนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ วันอาทิตย์ที่ 30 มิ.ย. บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมสมทบทุนในงาน ศิริราช เดิน-วิ่ง ครั้งที่ 13 เป็นเงินจำนวน 150,000 บาท มีตัวแทน ผู้บริหารระดับสูง พนักงาน กลุ่มบริษัทในเครือ สื่อมวลชน เข้าร่วมวิ่งในงานนี้ 120 คน
ส่วนวันจันทร์ที่ 1 ก.ค. พนักงาน บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ รวมถึงกลุ่มบริษัทในเครือ ร่วมทำโครงการ ‘ยามาฮ่าอาสาทำดีพี่ช่วยน้อง’ (Happy School by Yamaha) ที่โรงเรียนคลองกันยา อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ด้วยการร่วมกันสร้างสนามเด็กเล่น และบูรณะอาคารเรียน
อีกสิ่งหนึ่งที่ยามาฮ่าให้ความสำคัญ คือบริการหลังการขาย ยามาฮ่าใช้เงินลงทุนกว่า 200 ล้านบาท เปิด ‘ยามาฮ่า พรีเมียม เซอร์วิส’ พื้นที่กว่า 1 ไร่ ยกระดับการให้บริการรถมอเตอร์ไซค์ยามาฮ่า ที่ไม่ใช่ บิ๊กไบก์ หรือมีขนาดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 400 ซีซี ลงมา บนถนนศรีนครินทร์ เป็นศูนย์บริการมาตรฐานแห่งแรกของเอเชีย
ให้บริการสูงสุด 80 คันต่อวัน ลูกค้าสามารถนั่งดูการให้บริการได้ที่เลานจ์ หรือจะพูดคุยสอบถามทีมช่างที่ให้บริการถึงรายละเอียดต่างๆ ได้ตลอดเวลา โดยทีมช่างทุกคนได้ผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐาน YTA Silver ถึงระดับ Gold ที่ถือได้ว่าเป็นมาตรฐานสูงสุดของการอบรมช่างในปัจจุบัน
ยิ่งไปกว่านั้น มีรถสำรองใช้งานระหว่างรอซ่อมให้บริการมากกว่า 20 คัน
บริการกันถึงใจขนาดนี้ แล้วอย่างนี้ลูกค้าจะหนีไปไหนรอด
