‘โคโรลล่า อัลติส’ใหม่ครั้งแรกกับขุมพลังไฮบริด
‘โคโรลล่า อัลติส’ใหม่ครั้งแรกกับขุมพลังไฮบริด – ซู้ดปากดังลั่นเมื่อโตโยต้า เปิดตัว‘โคโรลล่า อัลติส’ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 12
เพราะไม่เพียงรูปร่างหน้าตาที่ดูดีเท่านั้น หากแต่ออปชั่นต่างๆ ยังอัดมาแน่นคัน แถมยังมีรุ่นเครื่อง ยนต์‘ไฮบริด’ ลูกผสมน้ำมัน+ไฟฟ้า เป็นครั้งแรกของเซ็กเมนต์ มาให้เลือกถึง 3 รุ่นย่อย
ที่สำคัญเปิดราคาออกมาได้น่าสนใจจริงๆ เพราะเครื่องยนต์ไฮบริดนั้นราคาเริ่มต้นไม่ถึง 1 ล้านบาท
มีรุ่นแต่งพิเศษ‘GR-Sport’ เป็นรุ่นท็อปเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร
เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร และรุ่น ‘Limo’ ออกมาเพื่อเจาะตลาดแท็กซี่โดยเฉพาะ แต่คราวนี้มีแต่เกียร์อัตโนมัติเท่านั้น
อัลติส ใหม่ ยังใช้เทคโนโลยีจากสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ ‘TNGA’(Toyota New Global Architecture) ซึ่งเป็นการออกแบบให้กับรถโตโยต้าในยุคนี้ ด้านหน้าออกแบบใหม่
ไฟหน้า LED Projector มีขนาดเรียวเล็ก พร้อมระบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ และปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ ออกแบบได้ดูโฉบเฉี่ยว พร้อมไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED Daytime Running Lights
ต่ำลงมาเป็นไฟตัดหมอก ไฟท้าย LED Rear Lamps
ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry) สามารถปลดล็อกประตูอัตโนมัติ
ภาพรวมดูเรียบหรู
ส่วนรุ่น‘GR-Sport’ เสริมหล่อด้วย สเกิร์ตหน้า / สเกิร์ตข้าง / สเกิร์ตหลัง / สปอยเลอร์หลัง
ภายในเน้นโทนดำตัดด้วยสีเงินแซมในบางจุด และสีเปียโนแบล็ก พวงมาลัยหนังสีดำทรงดูเรียบๆ พร้อมระบบมัลติฟังก์ชัน มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีขนาด 7 นิ้ว มีหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ
หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigator รองรับ T-CONNECT ลำโพง 6 จุด
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ มีกรองอากาศภายในห้องโดยสารขจัดกลิ่นและยับยั้งเชื้อโรค และเจาะช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง ในทุกรุ่นย่อย
ระบบสตาร์ตอัจฉริยะ แท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติพร้อมม่านบังแดดหลัง
ส่วนตัวแต่งพิเศษ ‘GR-Sport’ ได้เบาะหนังคู่หน้าทรงสปอร์ตดีไซน์สีดำตกแต่ง สีแดง และ Paddle Shift ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
แป้นเกียร์ออกแบบให้จับกระชับมือ พร้อมปุ่มเปลี่ยนโหมดการขับขี่ ระบบ Auto Brake Hold ระบบหน่วงแรงเบรกอัตโนมัติ และ Electric Parking Brake ระบบเบรกมือไฟฟ้า
เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า เบาะหลังพับได้ (60:40) พร้อมที่วางแขนและวางแก้วน้ำ
มีช่องต่อยูเอสบีด้านหน้า และช่องชาร์จแบตฯผ่านยูเอสบีในกล่องเก็บของ
แท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย
เครื่องยนต์ 3 บล็อก รุ่นแรกระบบไฮบริด 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว 1,798 ซีซี พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า และเกียร์ E-CVT ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 4 กำลังสูงสุด 98 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที
มอเตอร์ไฟฟ้า 53 กิโลวัตต์ ทั้ง 2 ระบบร่วมกันให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า
รุ่น ‘GR-Sport’ ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว 1,798 ซีซี เกียร์อัตโนมัติ SUPER CVT-i 7 สปีดพร้อม Sequential Shift 140 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
และรุ่น 1.6 ลิตร แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว 1,598 ซีซี เกียร์อัตโนมัติ SUPER CVT-i 7 สปีดพร้อม Sequential Shift 125 แรงม้า ที่ 6,050 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 156 นิวตันเมตร ที่ 5,200 รอบต่อนาที
ระบบรองรับด้านหน้า อิสระแม็กเฟอร์สันสตรัตพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังอิสระแบบปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง ดิสก์เบรก 4 ล้อ
ความปลอดภัยและระบบช่วยต่างๆ เพียบคัน อาทิ กล้องมองภาพขณะถอยหลัง ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง สัญญาณเตือนกะระยะท้ายรถ ระบบแจ้งเตือนเมื่อลมยางผิดปกติ
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบป้องกันล้อล็อก ระบบกระจายแรงเบรก ระบบเสริมแรงเบรก
ถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS 7 ตำแหน่ง ทุกรุ่น
ส่วนรุ่นท็อปเครื่องยนต์ไฮบริด มีระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ DRCC ปรับความเร็วรถตามคันหน้า ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน
รุ่น 1.8 ลิตรไฮบริด มี 3 รุ่นย่อย ราคา 939,000 – 1,099,000 บาท
รุ่น 1.8 ลิตร (GR-Sport) ราคา 999,000 บาท
1.6G ราคา 869,000 บาท
และ Limo ราคา 829,000 บาท