คอลัมน์ ข่าวสดยานยนต์
โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เป็นค่ายยักษ์ใหญ่ที่เข้าร่วมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ มาโดยตลอด และดูเหมือนจะเป็นค่ายเดียวที่คงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์อันสำคัญของงานมอเตอร์โชว์ทั่วโลก นั่นก็คือ การขนรถยนต์ต้นแบบข้ามน้ำข้ามทะเลมาให้คนไทยได้สัมผัสและเรียนรู้ถึงเทคโนโลยีด้านยานยนต์ในอนาคตอยู่เสมอ
ปีนี้ภูมิใจนำเสนอ ‘Toyota FCV Plus Concept’ หนึ่งในเทคโนโลยีแห่งอนาคตของรถพลังงานทางเลือกแบบ Fuel-Cell ซึ่งถูกออกแบบภายใต้แนวคิด การร่วมเป็นหนึ่งในหน่วยย่อยของสังคมยุคอนาคต รถต้นแบบคันนี้มีรูปทรงขนาดเล็ก
ห้องโดยสารประกอบไปด้วยที่นั่งแบบ 2+2 และเป็นมากกว่ายานพาหนะยุคใหม่ ที่ใช้สำหรับขนส่งผู้คนจากจุด A ไปยังจุด B ตัวรถใช้พลังงานจากกระแสไฟฟ้าที่ผลิตโดยใช้ไฮโดรเจนเป็นสารตั้งต้น ไปทำปฏิกิริยาทางเคมีใน cell stack เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้า แต่สามารถเปลี่ยนตัวเองจาก eco-cars ไปสู่ energy-cars ได้ด้วยระบบที่เชื่อมต่อเข้ากับกริด (vehicle-to-grid)
เมื่อไม่ได้ถูกใช้งานในฐานะยานพาหนะ ปรับเปลี่ยนมาใช้เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่เสถียรได้อีกด้วย สามารถต่อพ่วงกับอุปกรณ์กักเก็บไฮโดรเจนภายนอก เพื่อใช้เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้าให้กับครัวเรือน หรือเมื่อใช้ต่อพ่วงกันเป็นกลุ่มก็จะสามารถเชื่อมต่อกับกริดไฟฟ้าซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานของแหล่งชุมชนได้ เป็นต้น (power sharing) โดยโตโยต้าเรียกโหมดในการใช้งานนี้ว่า Social Mode
สำหรับชุดระบบขับเคลื่อนนั้น โตโยต้าวางชุด cell stack เอาไว้ระหว่างล้อคู่หน้า และติดตั้งถังไฮโดรเจนแรงดันสูงเอาไว้ด้านหลังเบาะผู้โดยสาร ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกแยกติดตั้งในแต่ละล้อ สำหรับใช้งานในแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
มิติตัวถัง มีความยาว 3,800 ม.ม. กว้าง 1,750 ม.ม. สูง 1,540 ม.ม. รูปลักษณ์เน้นความล้ำสมัย แผงเซลล์เชื้อเพลิงจะติดตั้งอยู่บริเวณด้านหลังล้อหน้าถัดจากถังเก็บไฮโดรเจนที่อยู่ระหว่างที่นั่งด้านหลัง และติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าอิสระทั้ง 4 ล้อ ทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในรถค่อนข้างกว้างขวาง
FCV Plus Concept แม้จะยังไปไม่ถึงขั้นการผลิตออกมาขายจริง แต่ด้วยแนวคิดหลักของตัวรถนับว่ามีความน่าสนใจอย่างสูงสำหรับโลกในอนาคต เพราะนอกจากจะเป็นรถพลังงานสะอาดแล้ว ยังถูกคิดไปไกลถึงการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าด้วยการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในครัวเรือนได้อีกด้วย
ค่าย ‘นิสสัน’ ส่ง ‘Nissan SOFC’ ต้นแบบยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานเซลล์เชื้อเพลิงแบบออกไซด์แข็ง (Solid Oxide Fuel Cell-SOFC) แบบแรกของโลกที่สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากเชื้อเพลิงเอทานอลชีวภาพ(Bio-Ethanol Electric Power) จากที่มีชื่อเสียงอย่างมากกับรถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ มาก่อนหน้านี้
โครงงานการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขับเคลื่อน Solid Oxide Fuel-Cell (SOFC)-powered system ซึ่งขับเคลื่อนในรูปแบบการใช้พลังงาน Bio-Ethanol Electric Power ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่ผู้ผลิตรถยนต์นำระบบนี้มาใช้ ซึ่งมีจุดเด่นคือ ระบบ e-Bio Fuel-Cell ที่มาพร้อมกับตัวสร้างพลังงานแบบ SOFC
ระบบ e-Bio Fuel-Cell เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “Nissan Intelligent Power” นำเสนอรถยนต์กับสิ่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการขับเคลื่อนและการใช้พลังงานไฟฟ้า รวมถึงการสร้างความสนุกในการขับขี่
ภายในห้องเครื่องยนต์ได้รับการติดตั้งตัวเก็บประจุที่เก็บกระแสไฟฟ้าได้เป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับตัวสร้างกระแสไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ
ตัวสร้างพลังงานแบบ SOFC มีแนวคิดหลักในการออกแบบ 3 ประการ คือ ประสิทธิภาพในการใช้งานสูงเดินทางได้ไกลมากขึ้น, จัดหาง่าย ด้วยต้นทุนเชื้อเพลิงที่มีราคาต่ำ (สามารถใช้เอทานอลผสมน้ำ) และเป็นพลังงานสะอาด เนื่องจากไม่มีการปล่อยมลพิษสู่ชั้นบรรยากาศ
e-Bio Fuel-Cell จึงเป็นการสร้างกระแสไฟฟ้าผ่านทางเซลล์เชื้อเพลิงแบบออกไซด์แข็ง SOFC ด้วยการใช้เอทานอลแบบชีวภาพ ซึ่งถูกเก็บไว้ที่ถังเชื้อเพลิงในตัวรถ ด้วยหลักการทำงานเหมือนกับเซลล์เชื้อเพลิง แต่การผลิตไฮโดรเจนเพื่อทำปฏิกิริยากับออกซิเจนนั้น จะมาจากการนำเชื้อเพลิงซึ่งก็คือ เอทานอลชีวภาพ มาสกัดและแปรรูปผ่านทางอุปกรณ์รีฟอร์เมอร์ Reformer
จากนั้นส่งไฮโดรเจนที่ได้เข้ามาทำปฏิกิริยาเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าและส่งให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อใช้ในการขับเคลื่อน
จากการทดสอบในการขับด้วยความเร็วคงที่นั้น รถยนต์ที่ใช้ระบบนี้สามารถแล่นทำระยะทางได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ทำได้ต่อการใช้น้ำมัน 1 ถัง(มากกว่า 600 กิโลเมตร) ยิ่งไปกว่านั้นรถยนต์แบบ e-Bio Fuel-Cell ยังมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย
ส่วน มิตซูบิชิ นำเสนอ ‘Mitsubishi MiEV Evolution III’ ออกแบบมาให้เป็นรถแข่งพลังงานไฟฟ้าเจเนอเรชั่นที่สามที่ลงแข่งขันในรายการ Pikes Peak International Hill Climb ไต่เขาสุดมันส์ในรัฐโคโลราโดของสหรัฐอเมริกา มาให้แฟนๆ ชาวไทยได้สัมผัส
รถแข่งที่ผนวกเทคโนโลยีรถพลังงานไฟฟ้า และเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อที่ดีที่สุดเข้าด้วยกัน เข้าร่วมการแข่งขันไพค์ พีค โดยมีเป้าหมายที่จะคว้าชัยชนะอันดับ 1 จากการแข่งขันประเภทรถพลังงานไฟฟ้าดัดแปลง 1 (Electric Modified Division 1)
มิตซูบิชิ มิฟ อีโวลูชั่น 3 แตกต่างจากมิตซูบิชิ มิฟ อีโวลูชั่น 2 หลายด้าน ทั้งการดัดแปลงแชสซีส์มาใช้เหล็กน้ำหนักเบา, มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังขับสูงขึ้นจาก 400 กิโลวัตต์ เป็น 450 กิโลวัตต์ ยางขนาดกว้างขึ้นจากขนาด 260/650-18 เป็น 330/680-18 เพื่อถ่ายทอดกำลังลงพื้นให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
นอกจากนี้ ยังมีการ์ดบังลมด้านหน้าทำจากวัสดุคาร์บอนแบบใหม่ ที่ทำงานร่วมกับสปอยเลอร์เพื่อรีดลมให้ได้มากที่สุด ซึ่งเพียงพอต่อการไต่เขาสูงชันตลอดเส้นทาง
มาพร้อมกับระบบควบคุม Super All Wheel Control (S-AWC) เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและลดการลื่นไถลของล้อหลัง และยังผนวกเข้ากับระบบควบคุมการทรงตัว (Vehicle Dynamic Controls) นำไปสู่การขับขี่ที่มั่นใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
นี่คือรถต้นแบบที่อาจจะพัฒนาไปสู่เชิงพาณิชย์ในอนาคต