จัดเนียนๆ‘แคปติวา’ใหม่ ช่วงล่างแน่น-ภายในสบาย
จัดเนียนๆ‘แคปติวา’ใหม่ ช่วงล่างแน่น-ภายในสบาย – กว่าจะได้เขียนถึงบททดสอบ ‘เชฟโรเลต แคปติวา’ ใหม่ เอสยูวีแบบ 5-7 ที่นั่ง ต้องทิ้งช่วงกันพอสมควร เนื่องจากต้องเคลียร์รายงานและบททดสอบที่ค้างเอาไว้ให้หมดเสียก่อน
ผมลองทดสอบขับรถรุ่นนี้ตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่ ซึ่งถือเป็นรถอีกรุ่นที่น่าสนใจ ด้วยสนนราคาตั้งมาค่อนข้างต่ำหากเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในเซ็กเมนต์เดียวกัน
ที่ได้มาทดสอบเป็นรุ่นท็อป ‘Premier’ แบบ 7 ที่นั่ง
เห็นครั้งแรกบอกเลยว่าใหญ่โตโอฬารพอสมควร ออกแบบได้ทันสมัยและเฉี่ยวสุดๆ
ไฟส่องสว่างขณะขับขี่กลางวันแบบ LED และเป็นไฟเลี้ยวในตัว ออกแบบเป็นเส้นโค้งตามแนวฝากระโปรง ที่หากมองเผินๆ คิดว่าเป็นไฟหน้า
ส่วนไฟหน้าของจริงอยู่ต่ำลงมาแบบโปรเจ็กเตอร์ LED ปรับระดับสูงต่ำได้พร้อมระบบไฟนําทาง Walk Me Home
ไฟท้ายเป็นแบบเส้นเดียวแนวขวางแปะอยู่กับประตูที่ 5 แบบเต็มบาน ซึ่งถือว่าต่างจากรถเซ็กเมนต์เดียวกันที่จะแยกโคมเป็น 2 ชุด อยู่ที่ฝาประตูท้ายและตัวถัง
เพื่อที่เวลาเปิดประตูที่ 5 ยังสามารถส่องสว่างให้รถที่แล่นตามหลังมองเห็นได้
แต่ไม่ต้องกังวล เพราะหากเปิดประตูขึ้นทั้งบานแล้ว ตำแหน่งไฟจะสลับมาสว่างอยู่บริเวณชายล่างที่ติดตั้งไฟท้ายไว้อีกชุด
มีราวหลังคาพร้อมเสาอากาศแบบครีบฉลาม ล้อแม็กซ์ 17 นิ้วลายสวย ดิสก์เบรก 4 ล้อ
ภายในใช้สีดำเป็นหลักและคาดสีขาวบริเวณกลางคอนโซล สลับกับสีดำเปียโนแบล็ก แต่ดูกว้างขวาง พาโนรามิกซันรูฟที่อยู่ด้านบนยิ่งทำให้รถดูโอ่โถงมากขึ้น
พวงมาลัยขนาดใหญ่แบบท้ายตัดแบบไฟฟ้า จับกระชับมือ เรือนไมล์ทรงสปอร์ตแบบ 3 วงกลม ตรงกลางเป็นจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิตอล TFT ขนาด 7 นิ้ว
จุดเด่นไม่พ้นหน้าจอแนวตั้งขนาดใหญ่ 10.4 นิ้ว แบบทัชสกรีนให้อารมณ์คล้ายๆ ไอแพด เป็นตัวควบคุมทั้งเครื่องเสียง แอร์ พร้อมระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร และความบันเทิง Chevrolet Link ใช้ได้ทั้งแอปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์
ช่องแอร์ขนาดใหญ่ และมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถว 2 และ 3 พร้อมสวิตช์ควบคุมความแรงลมแบบแยก 3 จุด
ช่องยูเอสบีให้กับที่นั่งทุกแถวรวม 4 จุด
คอนโซลกลางติดตั้งคันเกียร์ขนาดกระชับมือ ใกล้กันเป็นเบรกมือไฟฟ้า ปุ่มระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ (Auto Vehicle Hold) ปุ่มเปิด-ล็อกประตู
เบาะนั่งหนังนุ่มเดินด้ายขาวดูเก๋ไปอีกแบบ นั่งแล้วไม่ยวบมากนัก เป็นข้อดีเวลาเดินทางไกลๆ จะไม่เมื่อยมาก
ภาพรวมดูทันสมัย พื้นที่เหนือศีรษะที่สูงมากกว่าเดิม ทำให้ดูโปร่งมากขึ้น
หลังปรับเบาะ-พวงมาลัย กระจกมองต่างๆ ให้เข้ากับการขับขี่ กดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์เบนซิน DOHC แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ (DVVT) และระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ขนาด 1,451 ซีซี เดินนิ่งและค่อนข้างเงียบ
ขุมพลังนี้ทำงานร่วมกับเกียร์ซีวีที 8 สปีด ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร
แม้ความจุกระบอกสูบจะแค่ 1.5 ลิตร แต่สังเกตแรงม้าว่าไม่น้อยนะครับ เพราะ ‘ผูกโบ’ มาด้วยนั่นเอง
อย่างไรก็ตามด้วยขนาดตัวใหญ่ ทำให้การออกตัวไม่หวือหวานัก ช่วงตีนต้นถือว่าไหลมาได้เรื่อยๆ พอเข้าช่วงกลางมาเร็วขึ้น ก่อนจะค่อยๆ ช้าเมื่อความเร็วไปแตะช่วงปลาย
ช่วงล่างหายห่วงสำหรับค่ายนี้เพราะ ขึ้นชื่อมานานด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังมัลติลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลง ด้วยความสูงใหญ่ของรถ บวกกับมองว่าเป็นรถสำหรับครอบครัวทำให้การทดสอบทริปนี้ไม่ได้เน้นเข้าโค้งหนักๆ หรืออัดแรงๆ เท่าใดนัก
ยิ่งการทำตลาดของเชฟโรเลต ไม่ได้เน้นเรื่องความแรงของรถรุ่นนี้อยู่แล้ว แต่ให้น้ำหนักกับความคุ้มค่า และความสะดวกสบาย
จุดเด่นอีกหนึ่งไม่พ้น ‘ความเงียบ’ ที่ยังทำได้ดีไม่แพ้รุ่นอื่นๆ ความเร็วต่ำกว่า 140 ก.ม./ชั่วโมง แทบไม่ได้ยินเสียงเครื่อง-เสียงลม
ยิ่งหากเปิดเพลงจาก ลำโพง Infinity by Harman เครื่องเสียง ระดับไฮเอนด์ ที่จัดลำโพง 6 ตัว ทวิตเตอร์ 2 ตัว และซับวูฟเฟอร์ 1 ตัว เพลิดเพลินสุดๆ ทัศนวิสัยโปร่งรอบด้าน
ส่วนตอนถอยจอดยิ่งง่ายกับภาพรอบคันที่ส่งมาบริเวณหน้าจอขนาดใหญ่ โดยจะแบ่งเป็น 3 ช่องหลักๆ คือมุมด้านบน มุมหลัง และด้านข้าง
ความสบายของผู้โดยสารแถว 2 มีที่ว่างให้เหลือเฟือ ยิ่งหากไม่มีผู้โดยสารแถว 3 ยังสามารถเลื่อนเบาะถอยออกไปได้อีก
ความปลอดภัยและไฮเทคต่างๆ ใส่มาพอสมควร แม้จะไม่มากมายแต่ถ้าเทียบกับราคาแล้วถือว่าน่าพอใจ
สำหรับคนที่อยากได้รถครอบครัวสักคัน หรืออยากขับรถเน้นความเท่ แถมราคาจูงใจสุดๆ
‘เชฟโรเลต แคปติวา’ สมควรเป็นหนึ่งในตัวเลือก
รุ่นท็อป Premier อยู่ที่ 1,199,000 บาท
LT 1,099,000 บาท
และ LS (5 ที่นั่ง) 999,000 บาท (เพิ่ม 30,000 บาท สำหรับปรับเป็น 7 ที่นั่ง)
