ฮีโน่ส่งมอบรถโดยสารปรับอากาศชานต่ำ

ระบบดีเซลและไฟฟ้าคันที่ 2 ให้ ขสมก.

ชูจุดเด่นประหยัด-เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ฮีโน่ส่งมอบรถโดยสารปรับอากาศ – นายชาญณรงค์ หงษ์ทอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และนายวิโรจน์ แหวนทองคำ ผู้อำนวยการเขตการเดินรถที่ 1 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ร่วมพิธีแลกเปลี่ยนรถโดยสารปรับอากาศชานต่ำฮีโน่ ระบบดีเซลและไฟฟ้า ที่เขตการเดินรถที่ 1 อู่บางเขน เมื่อวันที่ 9 เม.ย.

นายชาญณรงค์กล่าวถึงที่มาของรถโดยสารปรับอากาศชานต่ำฮีโน่ ระบบดีเซลและไฟฟ้า ว่า เริ่มศึกษาและวิจัยมาหลายปี เริ่มจากในอดีตทางรัฐบาลได้มีดำริเกี่ยวกับการใช้เชื้อเพลิงทางเลือก มีการส่งรัฐมนตรีได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อศึกษาเทคโนโลยี

จากนั้นฮีโน่ก็ได้นำรถไฮบริดต้นแบบมาทดลองในประเทศไทยเป็นเวลาประมาณ 1 ปี ผลปรากฎว่าประหยัดเชื้อเพลิงกว่าเอ็นจีวีและดีเซลเป็นอย่างมาก จึงเริ่มต้นการศึกษาโครงการทำรถไฮบริดในประเทศไทย โดยฮีโน่ได้ร่วมมือกับบริษัท เชิดชัยคอร์ปอเรชั่น จำกัด ในการศึกษาและวิจัยการทำรถต้นแบบเพื่อพัฒนาให้เหมาะสมกับการใช้งานในประเทศไทย

สำหรับรถต้นแบบที่ฮีโน่ทำมีจำนวน 8 คัน ในวันนี้เป็นคันที่ 2 ที่นำมามอบให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ จากคันแรกที่ได้มอบให้ผ่านความร่วมมือขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (JICA) ซึ่งไจก้ามอบให้แก่ ขสมก.อีกที

“คันนี้เป็นคันที่ฮีโน่นำมาทดแทนซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่า มีการพัฒนาเรื่องตัวถังและเทคโนโลยีต่างๆ ดีกว่าคันเดิม เป็นรถที่ประกอบโดยฝีมือคนไทยเกือบทั้งคัน โดยเฉพาะในส่วนแชสซีส์-เครื่องยนต์ประกอบโดยฮีโน่ จากนั้นก็นำไปประกอบตัวถังด้วยความร่วมมือกับอู่เชิดชัยภายใต้การบริหารงานโดยคุณสุรวุฒิ เชิดชัย ซึ่งเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์เรื่องการพัฒนาและการลงทุน” นายชาญณรงค์กล่าว

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฮีโน่ฯ ให้รายละเอียดด้วยว่า บริษัทฮีโน่ร่วมมือกับบริษัทเชิดชัยเป็นเวลาประมาณ 2 ปี โดยฮีโน่นำวิศวกรจากประเทศญี่ปุ่นมาประจำที่โรงงานอู่เชิดชัยเพื่อศึกษาและวิจัยร่วมกัน และหากโครงการนี้ได้รับการตอบรับจากภาครัฐบาล มีการสนับสนุนโครงการที่ผลิตโดยฝีมือคนไทยและมีเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องการประหยัดน้ำมันหรือการลดมลพิษ PM2.5 น่าจะเป็นความร่วมมือกับบริษัทเชิดชัยไปอีกยาวนาน

“ฮีโน่มีกำลังการผลิตรถโดยสารปรับอากาศชานต่ำระบบดีเซลและไฟฟ้าเดือนละ 50 คัน พร้อมจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศไทยในราคาจำหน่ายประมาณ 8 ล้านบาท แต่หากมีความต้องการมากขึ้นก็อาจจะมีการพิจารณาในเรื่องของราคาเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ประกอบการในประเทศไทย” นายชาญณรงค์กล่าว

จุดเด่นของรถโดยสาร ระบบดีเซลและไฟฟ้า (ไฮบริด)

รถโดยสาร ฮีโน่ไฮบริดคันนี้ เป็นรถโดยสารปรับอากาศ ชานต่ำ ไม่มีบันได (Non step bus) ความยาว 12 เมตร ห้องโดยสารกว้างขวาง สามารถปรับจำนวนที่นั่งได้ตามการใช้งาน เครื่องยนต์เป็นระบบดีเซล รุ่นใหม่ ความจุ 5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 260 แรงม้า จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ขนาดเหมาะสม เก็บไฟฟ้าเพียงพอกับการใช้งาน มีความปลอดภัย ทนทาน เหมาะกับการใช้งานในภูมิภาคร้อนอย่างประเทศไทย มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยมือ ตอบโจทย์การใช้งาน Stop & Go พร้อมก้าวสู่ Smart City

ระบบไฮบริดจะนำพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาใช้ในการออกตัว และเมื่อลดความเร็วเพื่อจอดรับผู้โดยสาร ระบบจะประจุไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่ได้โดยอัตโนมัติ จึงสามารถประจุไฟฟ้าได้เองขณะใช้งาน ไม่จำเป็นต้องลงทุนสถานีประจุไฟฟ้า

ด้วยเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็ก พร้อมระบบไฮบริด ระบบออกตัวด้วยไฟฟ้า (ที่ความเร็ว 0-20 กม/ชม)

และระบบดับเครื่องยนต์ชั่วคราว (Idle stop) และระบบปรับอากาศแบบไฟฟ้า ทำให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีขึ้น ซึ่งผลจากการทดสอบร่วมกับขสมก. และ JICA พบว่าประหยัดเชื้อเพลิง 40-50% (ขึ้นกับสภาพจราจรและพฤติกรรมคนขับ) และมลพิษทางไอเสีย Co2 ลดลง 40% เมื่อเปรียบเทียบกับระบบดีเซล

รถไฮบริดใช้พลังงานไฟฟ้ากับน้ำมันดีเซล B20 ได้ สามารถสนับสนุนเกษตรกรชาวสวนปาล์มและลดฝุ่น PM2.5 เนื่องจากผสมน้ำมันที่มีปริมาณกำมะถันต่ำ (ไม่เกิน 10ppm) ทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์สมบูรณ์

เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเกณฑ์มลพิษของ UN Regulation พบว่า ค่ามลพิษทางไอเสียของระบบไฮบริดทั้งหมดเทียบเท่าได้กับมาตรฐาน Euro4 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่า PM ที่ต่ำเทียบเท่าได้กับมาตรฐาน Euro5

รถโดยสารระบบไฮบริด คันนี้ผลิตและประกอบขึ้นในประเทศไทย โดยนำเข้าเฉพาะเครื่องยนต์และชิ้นส่วนสำคัญของระบบไฮบริดจากประเทศญี่ปุ่น แต่เฟรมแชสซี ช่วงล่าง และตัวถังรถโดยสาร ประกอบโดยผู้ประกอบการไทย ซึ่งเป็นครั้งแรกของการผลิตรถโดยสารระบบไฮบริดนอกประเทศญี่ปุ่น

รถโดยสารระบบไฮบริด เจาะกลุ่มเป้าหมาย รถขนส่งผู้โดยสารในเมือง ทั้งในกรุงเทพและจังหวัดใหญ่ และใช้รับส่งผู้โดยสารในสนามบิน พร้อมจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการทั้งในประเทศ และส่งออกต่างประเทศ