หลากหลาย ยานยนต์
ช่วงนี้ความเคลื่อนไหวของค่าย “ฮอนด้า” ค่อนข้างเยอะ
เรื่องของเรื่องเพราะตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงต้นปีที่ผ่านมา ค่ายนี้เขาเปิดตัวรถใหม่ชนิดยิงสลุตกันรายเดือน
อย่างรุ่นแรกของปีคือ “บีอาร์-วี” เอสยูวีรุ่นเล็กสุดที่มาเขย่าตลาดเก๋งในเมืองไทย
มาเดือนก.พ.ก็ส่งเก๋งรุ่นใหญ่ “แอคคอร์ด” โฉมโมเดลเชนจ์ มาเปิดตัวอีก
แอคคอร์ด รุ่นล่าสุดแม้จะเป็นรุ่นไมเนอร์ เชนจ์ แต่ก็แทบจะเป็นโมเดลเชนจ์ก็ว่าได้ เนื่องจากปรับเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ
การปรากฏตัวของแอคคอร์ดใหม่ ถือว่ามาได้พอดิบพอดีกับการเตรียมเปิดตัวซีวิคใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนมี.ค.นี้
บ้านเรานั้นรู้จักกับแอคคอร์ดตั้งแต่รุ่นเจนฯ 2-3 แต่ไม่ได้โด่งดังนัก
มาเฟี้ยวเปรี้ยวซ่าในเจนฯ 4 ซึ่งเมืองไทยคุ้นเคยในชื่อรุ่น “ตาเพชร” เพราะใช้ไฟหน้าแบบ “มัลติรีเฟล็กเตอร์” มองผาดๆ มีความแวววาวคล้ายเพชร
แอคคอร์ด ตาเพชร ไม่เพียงขายดีในเมืองไทยเท่านั้น แต่กวาดยอดได้ทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอเมริกาได้รางวัลยอดขายสูงสุดถึง 3 ปีซ้อน
จนมาในรุ่นล่าสุดเป็นเจเนอเรชั่นที่ 9 เปิดตัวตั้งแต่ปี 2556
และมาปรับโฉมครั้งใหญ่ในต้นปีนี้
แอคคอร์ด ใหม่ หากมองภายนอกถือว่าเปลี่ยนไปแทบจะเรียกเป็นโมเดลเชนจ์ก็ว่าได้
เริ่มจากกระจังหน้าเปลี่ยนจากของเดิมที่มีเส้นโครเมียมเล็กๆ คาดขวาง เปลี่ยนเป็นแถบโครเมียมขนาดใหญ่ แบบที่เราคุ้นตาในเก๋ง และรถเอสยูวีของฮอนด้า
หล่อสุดไม่พ้นโคมไฟหน้าที่เรียวรับกับกระจังหน้า ดูอวกาศสุดๆ เพราะเป็นแบบแอลอีดีทั้งไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime unning Lights)
ต่ำลงมาเป็นไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบแอลอีดีเช่นกัน คาดเป็นเส้นขวางเพื่อให้เข้ากับไฟหน้า
ส่วนไฟท้ายก็เป็นแบบแอลอีดีเช่นกัน ออกแบบทรงใหม่ดูเฉี่ยวมากกว่าตัวเก่า
ขณะที่ด้านข้างยังใกล้เคียงกับของเดิม
ห้องโดยสารภายในยังดูหรูหรา
รุ่นเดิมนั้นถือว่าใส่ความไฮเทคไม่น้อย อาทิ ระบบเตือนการชนด้านหน้าด้วยเรดาร์พร้อมระบบช่วยเบรก
ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน โดยติดกล้องมองภาพไว้ที่กระจกมองข้าง
ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ
รุ่นใหม่นี่ไฮเทคขึ้นอีกด้วยระบบสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมต (Engine Remote Start) ที่สามารถสตาร์ตเครื่องยนต์และสั่งการเปิดเครื่องปรับอากาศได้จากระยะไกล
ข้อดีคือกรณีรถอยู่กลางแดดสามารถติดเครื่อง-เปิดแอร์ระหว่างเดินเข้าหารถได้เลย ไม่ต้องเปิดประตูแล้วรีบๆ สตาร์ตรถ-เปิดแอร์ ก่อนเผ่นออกมายืนที่ร่ม
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสใหม่ รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlayTM หรือเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนผ่านระบบ เชื่อมโยงเครือข่าย WIFI หรือ Hotspot เพื่อใช้งานเบราว์เซอร์
รุ่นนี้ยังใช้เครื่องยนต์แบบเดิมมี 2 บล็อกให้เลือก คือรุ่นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร แบบ DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 225 นิวตัน-เมตร พัฒนาภายใต้เทคโน โลยีเอิร์ธดรีม
และเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แบบ SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 190 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที
ความปลอดภัยยังครบเครื่อง อาทิ ถุงลมคู่หน้าอัจฉริยะ Dual i-SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ i-Side Airbag และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags
ช่วงแรกปล่อยออกมา 3 รุ่นย่อยคือ 2.0 E ราคา 1,385,000 บาท รุ่น 2.0 EL ราคา 1,445,000 บาท และ 2.4 EL ราคา 1,635,000 บาท
มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีขาวออร์คิด (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก)
ส่วนคนที่รอรุ่นเครื่องยนต์ลูกผสมไฟฟ้า หรือไฮบริด จะมาช่วงกลางปีนี้
“พิทักษ์ พฤทธิสาริกร”
ประธานเจ้าหน้าที่ฯฮอนด้า
“ฮอนด้า แอคคอร์ด ยนตรกรรมซีดานระดับพรีเมียม ได้รับกระแสความนิยมจากลูกค้าชาวไทยมากว่า 30 ปี และได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงเจเนอเรชั่นที่ 9 ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ พร้อมแล้วที่จะก้าวล้ำไปอีกขั้นจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นยนตรกรรมที่พร้อมตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบน ซึ่งเป็นผู้นำหรือผู้บริหารยุคใหม่ที่มีวิสัยทัศน์และก้าวทันโลก”