‘กฤษณะกร เศวตนันทน์’ ไขกลยุทธ์ความสำเร็จ‘อาวดี้’ – สี่ปีครึ่งแล้ว ที่ ‘อาวดี้’ ภายใต้การนำเข้าและจัดจำหน่ายโดย ไมซ์สเตอร์เทคนิค มี ‘กฤษณะกร เศวตนันทน์’ เป็นแม่ทัพใหญ่ ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง

อะไรทำให้ “อาวดี้” เข้าไปอยู่ในอ้อมใจนักเลงรถเมืองไทย รวมถึงแผนงานในอนาคตจะเป็นอย่างไร ฟังจากปากผู้บริหารหนุ่มมาดเท่คนนี้ได้โดยพลัน

ทำได้ตามเป้าหรือยัง

นโยบายหลักที่ทีมงานอาวดี้ ประเทศ ไทย ยึดมั่นมาตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจ 22 มี.ค. 2560 คือความโปร่งใส จริงใจ ในการให้บริการลูกค้า โดยเฉพาะเรื่องบริการ เพราะจากการสำรวจก่อนเข้าทำตลาดพบว่าในอดีตแบรนด์อาวดี้ มีปัญหาในเรื่องของบริการหลังการขาย และราคาอะไหล่ เราจึงได้ขยายการรับประกันตัวรถเป็น 5 ปี ยกระดับคุณภาพมาตรฐานงานบริการหลังการขายให้ได้อย่างตรงจุด ทำให้คะแนนความพึงพอใจของลูกค้าล่าสุดขึ้นไปอยู่ที่ 97% ซึ่งถือว่าสูงมาก

พร้อมกันนี้ยังนำจุดแข็งในเรื่องของรถ เรื่องระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ที่แตกต่าง ซึ่งลูกค้าสามารถสัมผัสได้จากการทดสอบ มากกว่า 90% ที่ทดลองขับแล้วกลับมาจับจองเป็นเจ้าของอาวดี้ในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้น ส่งผลให้ตั้งแต่เปิดตัว ถึงเดือนก.ย. 2564 มียอดขายสะสม 4,500 คัน ถือได้ว่าเป็นบทพิสูจน์ว่าวันนี้ลูกค้าคนไทยมีความเชื่อมั่น

กลยุทธ์การทำตลาด

เพิ่มจำนวนรุ่นรถให้ครอบคลุมความต้องการลูกค้าทุกกลุ่ม ปัจจุบันอาวดี้ ประเทศไทย มีทั้งหมด 36 รุ่น ใกล้เคียงกับอาวดี้ เอจี ที่ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่รถสปอร์ต ครอบครัว ไปจนถึง SUV รวมถึงยังได้เขย่าพอร์ตในเรื่องของราคาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว มีตัวเลือกราคาไม่ถึง 3 ล้านบาทเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงอาวดี้ได้ง่าย ปัจจุบันลูกค้าที่ซื้อรุ่นราคาไม่ถึง 3 ล้านบาท คิดเป็นกว่า 50% ของพอร์ตทั้งหมด

ขณะที่ RS โมเดลมี 7 รุ่น สำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบความแรง ยอดขายคิดเป็น 10% ของทั้งหมด นอกจากนี้รถไฟฟ้า อี-ทรอน ทำตลาดอีก 5 รุ่น และเตรียมที่จะนำเข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในอนาคต เตรียมความพร้อมในการดูแลรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งเรื่องของเครื่องมือ และช่างเทคนิค ที่ศูนย์บริการทุกแห่งสามารถซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าได้เต็มที่

แผนขยายโชว์รูม-ศูนย์บริการ

นโยบายหลักในการขยายดีลเลอร์ คือต้องอยู่รอดได้และสอดคล้องกับยอดขาย แน่นอนว่ารถยนต์ไฟฟ้ากำลังจะเข้ามาแทนที่รถยนต์แบบเดิม ดังนั้นรายได้จากการซ่อมบำรุงจะลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะระบบไฟฟ้าไม่มีอะไรให้เปลี่ยนมากนัก

นอกจากนี้ด้วยพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทันเข้ากับสถานการณ์ให้ได้ ปัจจุบันมีโชว์รูม และศูนย์บริการ ในกทม. 2 แห่ง เลียบด่วน และถ.เพชรบุรีตัดใหม่ ต่างจังหวัดอีก 3 แห่ง พัทยา (จ.ชลบุรี) จ.ภูเก็ต และล่าสุด จ.อุดรธานี

ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ ต้นปีหน้าจะเปิดให้บริการเต็มระบบ จากที่มีเป็นเซอร์วิส เซ็นเตอร์ มีบริการหลังการขายเท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน