ทดสอบแบบหมัดต่อหมัด‘2เอสยูวี’ ‘ฮอนด้า HR-V’-‘ฮาวาล JOLION’“เดือดกว่านี้มีอีกไหม”

ทันทีที่เห็นค่ายรถเจ้า ตลาดเดิมกับค่ายน้องใหม่จากแดนมังกร ส่งรถใน เซ็กเม้นต์เดียวกันออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน แบบหายใจรดต้นคอ

ไม่ว่าจะเป็น ‘ฮอนด้า HR-V ใหม่’ หรือเจ้าสิงโตอารมณ์ดี ‘ฮาวาล โจไลอ้อน’ (JOLION)

‘ข่าวสด ยานยนต์’ ร่วมทริปทดสอบ 2 รุ่นนี้มาเรียบร้อย

เริ่มที่ ฮอนด้า HR-V เจเนอเรชั่นที่ 2 ขุมกำลังแบบเดียวคือฟูลไฮบริด e:HEV ที่นัยว่าทั้งแรง ทั้งประหยัด

เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน คันละ 2 คน คันที่ขับเป็นตัวท็อป รุ่น RS ดีไซน์ภายนอกสไตล์สปอร์คูเป้ กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ที่เชื่อมต่อกับไฟหน้า

สัญลักษณ์ AMP UP เส้นรูปคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เท่ดีแต่ขนาดเล็กและอยู่ต่ำมากด้านล่างกันชน

ไฟท้าย LED Light Strip เชื่อมต่อไฟเบรกเป็นเส้นแนวยาวตลอดแนว ตามหลังมารู้ทันทีว่านี่คือ HR-V ใหม่

ฝาท้ายเปิด-ปิดได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเตะเท้าเข้าไปใต้กันชนท้ายจากการทดลองแล้ว ทำงานได้ดีเร็ว ถูกต้อง

นอกจากนี้ยังปิดด้วยการกดปุ่ม แต่หากมีสัมภาระต้องถือเต็ม 2 มือ ยังมีระบบปิดเองอัตโนมัติ เมื่อรีโมตออกห่างตัวรถ 1-1.5 เมตรเพียงแต่ต้องกดปุ่มสั่งงานไว้ก่อน

สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต เสาอากาศครีบฉลาม ล้ออัลลอย ลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว

สีพิเศษเฉพาะรุ่น RS สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) มาพร้อมหลังคา สีดำสไตล์ทูโทน

ภายในให้ความรู้สึกหรูหรา ทันสมัย ตามแบบฉบับฮอนด้า ช่องลมแอร์ด้านซ้ายสุด และขวาสุด มีปุ่มให้บิดปรับเปลี่ยนทิศทางลม ได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด

พวงมาลัย และเบาะนั่ง หุ้มหนังสีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง แบบสปอร์ต แป้นเบรกและแป้นคันเร่งสไตล์สปอร์ต

พร้อมออกเดินทางช่วงแรกให้น้องกระจอกข่าวสาวแห่งสำนักประชาชาติธุรกิจ เป็นผู้ทดสอบ แล้วกระโดดไปนั่งที่เบาะหลัง

ตำแหน่งเบาะนั่งค่อนข้างดีรองรับต้นขา มีพื้นที่ให้เหยียดขา คลายความเมื่อยล้า และสูงพอที่จะมองผ่านหน้าต่างชมวิวทิวทัศน์ให้สบายตา

แต่ที่ขัดใจอย่างมากคือหลังคากระจกแบบพาโนรามา ที่แบ่งโซนเบาะหน้าและหลัง ด้านหน้าปกติดีรูดม่านบังแดดปิดได้ปกติ แต่ที่ เบาะหลังกลายเป็นแผ่นประกบ 2 แผ่น ค่อนข้างยุ่งยากทั้งตอนใส่ และกลายเป็นภาระตอนถอด เพราะต้องหาที่เก็บ

ช่วงล่างมีความหนึบนุ่มตามแบบฉบับ SUV คือไม่ใช่นุ่มนวลไปเสียหมด มีแรงสัมผัสแรงเหวี่ยงบ้าง เวลาเข้าโค้งหรือผ่านหลุม บ่อ คอสะพาน บนความเร็วสูง แต่ไม่ได้ถึงกับกระเด้งกระดอน

ถึงเวลาประจำตำแหน่งคนขับกระจกหน้าบานใหญ่เพิ่มทัศนวิสัยการมองเห็น

ช่วงตีนต้นเรียกกำลังมาใช้งานได้ดีแม้จะไม่ถึงกับ หลังติดเบาะ

ด้วยเพราะการ ขับเคลื่อนเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมด เครื่องยนต์ทำหน้าที่เพียงผลิตไฟฟ้าไปเก็บไว้ ที่แบตเตอรี่ แล้วระบบจะนำพลังงานไฟฟ้าส่งไปมอเตอร์ เพื่อส่งกำลังไปยังล้อ

ระบบฟูลไฮบริด e:HEV ทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ

เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) กำลังสูงสุดทั้งระบบ 131 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0-3,500 รอบต่อนาที

ทำความเร็วไปได้เรื่อยๆ ไม่มีเหนื่อยไม่มีท้อ แต่บางจังหวะ โดยเฉพาะคิกดาวน์เรียก เหมือนระบบต้องคิดแว้บหนึ่งและมีเสียงวืดของมอเตอร์

ช่วงล่างหนึบแน่น พวงมาลัยค่อนข้างหนัก แต่มีความคม เข้าโค้ง เปลี่ยนเลนได้อย่างมั่นใจ

ห้องโดยสารมีเสียงเล็ดลอดเข้ามา อยู่บ้าง ทั้งเสียงมอเตอร์ เสียงล้อบดถนน และเสียงลม ยิ่งชัดเจนมากเมื่อผ่านความเร็ว 120 กม.ต่อช.ม.ไปแล้ว

ระบบความปลอดภัย ฮอนด้า เซนซิ่ง จัดเต็มตามมาตรฐาน เตือนการชน พร้อมช่วยเบรก

วันนั้นทดสอบกัน 2 คน ระยะทางที่วิ่งไปทั้งหมด 255.7 ก.ม. อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 17.1 ก.ม.ต่อลิตร

ส่วนใหญ่ใช้นอร์มอลโหมด มีช่วงสั้นๆ ที่ใช้สปอร์ตโหมด เพื่อ ลองกำลัง ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย

มาดูเจ้าสิงโตอารมณ์ดี ‘ฮาวาล โจไลอ้อน’ ไฮบริด เอสยูวี กันบ้าง เส้นทางขับกรุงเทพฯ-จ.สระบุรี

ก่อนออกเดินทางจากอิมแพ็ค เมืองทองธานี ดูดีไซน์กันเสียหน่อย

รูปร่างสันทัดพอประมาณ ตามแบบฉบับคอมแพ็ก SUV ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยวอยู่พอประมาณจากกระจังหน้า Star Matrix สีดำ-เทา พร้อมโลโก้ตรงกลาง

ไฟหน้า LED ไฟส่องสว่างเวลากลางวันดีไซน์ล้ำสมัย มาพร้อมระบบ welcome light เมื่อปลดล็อกรถ และระบบ Follow Me Home ไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์

ไฟท้าย LED พร้อมไฟเบรกดวงที่สาม และไฟตัดหมอกหลัง หลังคาซันรูฟพาโนรามิก

ออกแบบภายในแบบ 360 องศา กว้างขวาง สะดวกสบาย ตกแต่ง Two Tone เน้นสีขาวสะอาดตา ตัดด้วยลายเส้นสี Rose Gold

การเชื่อมต่อของหน้าจอทั้ง 3 หน้าจอกลางแบบ Touch Screen Audio Display ความละเอียดสูง ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple carplay, MP3, Joox และ Navigator จอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า

ขึ้นนั่งตำแหน่งคนขับดูเหมือนจมไปนิด ทำให้มองไปได้ไม่ไกลมาก พวงมาลัย เลือกน้ำหนักได้ว่าต้องการหนักเบาแค่ไหน รวมถึงโหมดการขับขี่ เพียงแต่แนะนำว่าควรทำเสียก่อนออกเดินทาง เพราะต้องเข้าไปในระบบผ่านหน้าจอกลางไปเซ็ตระหว่างทางน่าจะไม่สะดวก

กำลังเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาด1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า ให้แรงบิดรวมสูงสุด 375 นิวตัน-เมตร

ระบบเกียร์แบบ DHT เป็นแบบหมุน บิดไปซ้ายเกียร์ถอย บิดมาขวาเดินหน้า

โหมดการขับขี่มีให้เลือก 4 แบบ มาตรฐาน ประหยัด สปอร์ต และสภาพถนนลื่น

ออกตัวแม้จะไม่จี๊ดจ๊าดจัดจ้าน แต่ใช่ว่าจะอืดอาดเป็นเรือเกลือ แม้จะเป็นรถ SUV แต่การโยกซ้าย แซงขวา สามารถทำได้เนียนมือ

ช่วงล่าง GWM LEMON PLATFORM เน้นไปทางหนึบแน่นเหมือนรุ่นพี่ ฮาวาล H6 ให้ความนุ่มนวลอยู่บ้าง ทำความเร็วสูงไม่มีอาการหวิวให้ได้เห็น

กําลังเครื่องยนต์ทำได้ดีในการไต่ความเร็ว แต่หากต้องการเรียกมาใช้งานปัจจุบันทันด่วน อาจจะต้องเผื่อไว้หน่อยโดยเฉพาะตอนแซงเลนสวน

และรวมถึงจังหวะขึ้นเนินชัน เพราะช่วงขับขึ้นเขาเส้นมวกเหล็กเพิ่มน้ำหนักเท้าเพื่อไล่แซงรถที่ขับช้า แต่อยู่เลนขวาต้องออกแรงที่ แป้นคันเร่งเพิ่มขึ้นหน่อยหนึ่ง

ที่สำคัญด้วยเพราะเกียร์ไม่มีโหมดแมนนวล ทำได้แค่คิกดาวน์ เพียงอย่างเดียว ซึ่งบางครั้งดูเหมือนจะไม่พอ

ขากลับขยับไปนั่งเบาะหลัง ตัวเบาะค่อนข้างต่ำทำให้นั่งแล้วรู้สึกตัวจมลงไปเยอะ เข่าชันเล็กน้อย และมองผ่านหน้าต่างได้น้อย

ดีว่าพื้นที่วางขามากพอ ช่วยคลายความอึดอัดไปได้พอสมควร

นั่งวางๆ เลยลองเล่นโหมดสั่งงานด้วยเสียง “สวัสดี ฮาวาล”

ระบบตอบรับทันทีจากนั้นสั่งงานต่างๆ อาทิ เร่งพัดลมแอร์ ลดเสียงวิทยุ เปิด-ปิด หลังคาซันรูฟ เปิดกระจก เป็นต้น

จากที่ทดสอบเองทำระยะทางไปทั้งหมด 128.5 ก.ม. หน้าจอแจ้งว่าอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 6.8 ลิตร ต่อ 100 ก.ม. แปลงค่ากลับมาอยู่ที่ร่วมๆ 15 ก.ม.ต่อลิตร ถือว่าอยู่ในเกณฑ์กลางๆ

สนนราคาของ ‘ฮอนด้า HR-V e:HEV’ รุ่น RS อยู่ที่ 1.179 ล้านบาท

ขณะที่ ‘ฮาวาล โจไลอ้อน’ตัวท็อป รุ่น Ultra ราคา 999,000 บาท

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน