‘โรลันด์ โฟล์เกอร์’กางแผน ตั้งเป้าขาย‘เบนซ์’โตสองหลัก – ตัวเลขยอดจดทะเบียนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เมื่อปีที่แล้ว น้อยกว่าที่ลูกค้าจองเข้ามาค่อนข้างมาก เป็นผลมาจากปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ หากไม่ติดปัญหานี้ตัวเลขเติบโตกว่านี้อีกมาก
โดยเฉพาะในรุ่น A-Class ใหม่ โดยเฉพาะ GLA ได้รับการตอบรับเกินที่คาดการณ์ไว้มาก ทำให้ไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ ได้ทัน โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

● ปัญหาจะต่อเนื่องถึงปีนี้หรือไม่
ปัจจุบันปัจจัยลบต่างๆ เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี ไม่ว่าจะโควิด-19 รวมถึงชิ้นส่วนอะไหล่ เซมิคอนดักเตอร์ แต่ทั้งนี้ต้องเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม ลูกค้าที่จองรถยนต์เมอร์ เซเดส-เบนซ์ ไว้แล้ว ยังคงรอเป็นเจ้าของ ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลกับตัวเลขจดทะเบียน หรือส่งมอบในปีนี้จะสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว

● ตั้งเป้าเติบโตปีนี้ไว้เท่าไหร่
เมื่อปีที่แล้วแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ มียอดจดทะเบียนในประเทศไทยอยู่ที่ 9,820 คัน ลดลง 7% ขณะที่ยอดขายรถยนต์ตลาดพรีเมียมมีอัตราลดลง 9% มองว่าปีนี้ตลาดรวมรถยนต์ระดับพรีเมียม มีทิศทางที่ดี มั่นใจว่ามีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้น
ขณะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ตั้งเป้าอัตราเติบโตของยอดขายไว้เป็นตัวเลขสองหลัก เนื่องจากเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ บริการใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าคนไทยอย่างต่อเนื่อง

● เตรียมเปิดตัวรุ่นไหนบ้าง
เตรียมรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งจากแบรนด์ Mercedes-Benz, Mercedes-EQ, Mercedes-Maybach และ Mercedes-AMG โดยมี “The new EQS” รถยนต์ไฟฟ้า 100% เป็นไฮไลต์ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่จะผลิต และวางจำหน่ายในประเทศไทย ถือว่าเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่อย่างเป็นทางการ ของการนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้า สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย

ปัจจุบันมีลูกค้าแสดงความสนใจ ผ่าน ช่องทางดิจิตอลมาแล้วมากกว่า 500 ราย ยืนยันว่าเมื่อถึงเวลาเปิดตัว จะสร้างสีสันให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย
เพราะนอกจากเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่สามารถทำระยะทางวิ่งได้ไกลที่สุดในขณะนี้ที่ 770 ก.ม. ต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็ม 100% แล้ว ยืนยันว่าราคาจำหน่ายจะสร้างความตื่นเต้นกับลูกค้าคนไทยอย่างแน่นอน

● แผนการขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้า
เพื่อให้ลูกค้ามีความสะดวกสบาย ในการ ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า 100% ล่าสุดมีการเจรจากับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ บมจ.ปตท. ในการจัดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าเพิ่มเติม

พร้อมกันนี้ ยังจัดแคมเปญ ชาร์จ ทู เชนจ์ (Charge to Change) เฟส 2 กระตุ้นให้ผู้ที่ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งแบบ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และไฟฟ้า 100% ชาร์จไฟฟ้าต่อเนื่อง เพื่อที่รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้ได้มากที่สุด เป็นการช่วยกันลดมลพิษ และฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของเมืองที่มีรถยนต์จำนวนมาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน