กว่า 3 ขวบปีที่ทำตลาดในบ้านเรา ของแบรนด์รถยนต์ จากฝรั่งเศส ‘เปอโยต์’ ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
ได้รับการตอบรับจากทั้งนักเลงรถรุ่นเก๋า ที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว รวมถึงคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความแตกต่าง
นโยบายการทำตลาดของผู้บริหารหนุ่มมาดนุ่ม สุนทรพันธ์ เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มุ่งเน้นการเป็นรถยุโรปคันแรกของคุณ
ประมาณว่าได้ฟิลลิ่งการขับแบบรถยุโรป แต่ราคา และค่าบำรุงรักษา ไม่หนีรถยนต์จากญี่ปุ่นเท่าใดนัก ถือว่ามาถูกทาง ถึงวันนี้มียอดขายสะสมไปแล้วกว่า 1,000 คัน

และในปีนี้มั่นใจว่ายอดขาย จะเติบโตได้อีกมาก หลังจากเปิดตัว ‘เปอโยต์ 2008’ ครอสโอเวอร์น้องเล็ก ที่มีค่าตัว 1.189 ล้านบาท สร้างแรงกระเพื่อมให้ตลาดอยู่ไม่น้อย
เพื่อให้รับรู้ถึงสมรรถนะ อรรถประโยชน์การใช้งาน ทีมงานการตลาด และประชาสัมพันธ์ ได้จัดทริปเล็กๆ ให้กระจอกข่าวได้ทดสอบ ‘เปอโยต์ 2008’ แบบเบาๆ
กับเส้นทางจากสำนักงานใหญ่ เปอโยต์ สุขุมวิท ไปยังปอดของกรุงเทพฯ ต.บางกะเจ้า แหล่งผลิตโอโซนติดอันดับโลก

แนะนำรายละเอียดเกี่ยวกับตัวรถกันก่อน แน่นอนว่าเจ้า “เปอโยต์ 2008” ได้รับการใส่ใจในรายละเอียดงานดีไซน์ ตามสไตล์ฝรั่งเศส
ไฟหน้า-ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเดย์ไทม์รันนิงไลต์แนวตั้ง คล้ายเขี้ยวสิงโต
ไฟท้ายดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ราวกับกรงเล็บสิงโต ตัดกับคิ้วสีดำเงา ท่อไอเสียแบบคู่ พร้อมล้อแม็กซ์ขอบ 17 นิ้ว
ภายในออกแบบห้องโดยสารล้ำสมัย 3D i-Cockpit จอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว รองรับ แอปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้
ปุ่มควบคุมเครื่องปรับอากาศ 7 สวิตช์ ทรงก้านเปียโน เข้าถึง การใช้งานได้อย่างง่ายดาย เบาะหนังตัดเย็บลายใหม่ ให้อารมณ์ สปอร์ต
ได้เวลาออกเดินทาง ร่วมคันกับ วุฒิณี ทับทอง ผู้ช่วยหัวหน้าข่าวโต๊ะรถยนต์ แห่งสำนักประชาชาติธุรกิจ
ข่าวสดขออาสาทดสอบก่อนขาไป ส่วนขากลับเป็นหน้าที่ของ ผู้ร่วมทริป

ดูจากดีไซน์ภายนอกที่กะทัดรัด ให้นึกว่าภายในน่าจะเล็ก และแคบ แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ที่นั่งคนขับให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย
เบาะนั่งหนานุ่มโอบกระชับ อุปกรณ์จัดวางให้ใช้งานได้ง่าย มีก็แต่พวงมาลัยที่ตัดหัวตัดท้าย ดีไซน์ดูเท่ แต่เหมือนจะบังสายตานิดๆ กับการมองข้อมูลที่เรือนไมล์
ขณะที่เบาะนั่งหลัง ได้สัมผัสช่วงขากลับ มีพื้นที่วางขา พื้นที่เหนือศีรษะอยู่พอประมาณ แต่นั่งแป๊บเดียว ผ่านหลุม บ่อ และโค้งอยู่บ้าง ทำให้ยังไม่ทันรู้สึกอะไรเท่าไหร่ ได้โอกาสทดสอบยาวๆ แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้ง

กลับมาที่ตำแหน่งคนขับ กดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ เสียงคำรามจากเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ เทอร์โบ ขนาด 1,199 ซีซี กำลังสูงสุด 130 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 230 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750 รอบต่อนาที ลอดเข้ามาในห้องโดยสาร รุกเร้าอารมณ์อย่างมาก
ไม่เฉพาะเสียงเครื่องยนต์เท่านั้นที่เร้าใจ กำลังของเครื่องยนต์ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เรียกมาใช้งานได้ตั้งแต่แค่ แตะเบาๆ ตัวรถพุ่งไปข้างหน้า ราวกับเจ้าป่ากระโจนเข้าหาเหยื่อ
บวกกับขนาดกะทัดรัด สูงมองเห็นการณ์ไกล เพิ่มความคล่องแคล่ว ทำให้ทั้งการออกตัว หรือเร่งแซงซ้าย-ขวา เพื่อนร่วมถนน ทำได้อย่างสบายมือ
ขึ้นสะพานภูมิพล ปรับโหมดการขับขี่เป็นแบบ Sport กำลังเครื่องยนต์ดุดันขึ้นเล็กน้อย เกียร์ลากรอบมากขึ้น การไต่ทางชัน กลายเป็นเรื่องง่าย ราวกับวิ่งทางเรียบ ยังมีโหมด Manual และ Eco ไว้ให้เลือกใช้งานตามชอบ

ช่วงล่างสไตล์ยุโรป หนึบนุ่ม ให้ความนุ่มระดับหนึ่ง ไม่ถึงกับ นุ่มนิ่ม แต่ใช่ว่าจะกระเด้งกระดอน เน้นความหนึบแน่น
เวลาเข้าโค้งบนความเร็วสูง ไม่รู้สึกถึงอาการท้ายบาน แถมหน้าจิกตามความคมของพวงมาลัย เพิ่มความมั่นใจขึ้นอีกมาก
ระบบความปลอดภัยมีมาให้พอประมาณ อาทิ ระบบเตือนมุมอับสายตา ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน ระบบช่วยเตือนให้เบรกเมื่อมีสิ่งกีดขวาง เป็นต้น

นักเลงรถสายลุย ที่กำลังมองหารถครอสโอเวอร์ไว้ใช้งาน ไปทดลองขับได้ที่โชว์รูมเปอโยต์ ทั้ง 8 แห่งได้แล้ววันนี้ ส่วนอีก 2 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าขยายเพิ่มเป็น 25 แห่งทั่วประเทศกันเลยทีเดียว

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน