เดินหน้าสร้างแบรนด์ พร้อมปลุกความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าค่าย “ซูม ซูม” อย่าง ต่อเนื่อง ล่าสุด ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย อัพเดตข้อมูลและการดำเนินงาน ว่าเดินหน้าถึงไหนแล้ว

◆ แผนการดำเนินงานจากนี้ไป
แผนการตลาดในปี 2566 มาสด้ายังคงมุ่งมั่นเดินหน้าตามแผนงานระยะกลาง ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าแบรนด์ (Brand Value Management) ด้วยการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุกมิติ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถยนต์มาสด้า และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับแบรนด์มาสด้าในประเทศไทย

เริ่มจากกลยุทธ์การตลาด สื่อสารกับลูกค้าต่อเนื่อง พร้อมนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างประสบการณ์และความพึงพอใจในทุกด้าน กลยุทธ์การขายเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศเพื่อ หลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา พร้อมทั้งผลักดันให้เกิดการซื้อซ้ำ

พร้อมกันนี้ ยังเน้นธุรกิจรถมือสองที่เน้นเรื่องคุณภาพ หรือ Mazda CPO เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเข้ามาเป็นลูกค้ามาสด้า รวมถึงสร้างความยั่งยืนให้กับแบรนด์ กลยุทธ์ด้านบริการหลังการขาย ด้วยการร่วมมือกับดีลเลอร์ทั่วประเทศในการดูแลลูกค้าทั้งด้านการขายและบริการหลังการขาย ภายใต้แนวคิด All for Customers เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า

◆ ผลประกอบการปีที่แล้ว
สำหรับมาสด้า แม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะตกอยู่ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด และประสบกับปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิตรถยนต์ แต่สามารถประคับประคองยอดขายได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมาสด้า 2 ที่ยังคงได้รับความนิยมจากลูกค้า ด้วยการสร้างสถิติยอดขายอันดับ 3 ของตลาดบีคาร์รวม อีโคคาร์ ด้วยยอดขาย 16,249 คัน

นอกจากนี้ รถอเนกประสงค์เอสยูวี มาสด้า CX-Series ทำยอดขายไว้รวม 12,322 คัน อยู่อันดับที่สี่ของเซ็กเมนต์นี้ ส่งผลทำให้ปี 2565 ที่ผ่านมา มาสด้ามียอดขายรวมอยู่ที่ 31,638 คัน ครองความนิยมด้วยการเป็นแบรนด์ยอดขายอันดับ 6 ของอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย

◆ ภาพรวมตลาดรถยนต์ปีนี้
ในปีนี้คาดว่าตลาดรถยนต์จะมีปริมาณการขายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ถึงแม้มีหลายปัจจัยเข้ามาสนับสนุน และกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศมากกว่าปีที่ผ่านมา อาทิ ธุรกิจการท่องเที่ยว เริ่มเปิดรับชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น ภาคการเกษตรเติบโตอย่างต่อเนื่อง การบริโภคของประชาชนเริ่มกลับมา รวมถึงปัญหาการขาดแคลน ชิ้นส่วนเพื่อการผลิตเริ่มคลี่คลายลง

แต่ทั้งนี้ยังคงต้องจับตามองประเด็นความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีน ความขัดแย้งในยุโรป ปัญหาด้านพลังงาน ราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น ระบบขนส่ง หรือโลจิสติกส์ที่ยังมีปัญหา ล้วนส่งผลกระทบต่อการนำเข้าและส่งออกของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

รวมถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้น อันอาจทำให้กำลังซื้อชะลอตัว อีกทั้งเชื่อว่าในปี 2566 ตลาดจะมีการแข่งขันกันรุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาทำตลาด

แต่โดยรวมแล้วคาดว่าตลาดรถยนต์จะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา หรืออยู่ที่ประมาณ 850,000-870,000 คัน อย่างไรก็ตาม สำหรับมาสด้ายังคงมั่นใจอย่างยิ่งว่าปีนี้ยอดขายจะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10% หรือมีตัวเลขยอดขายรวมอยู่ที่ประมาณ 35,000 คัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน