‘เอ็มจี’เปิดตัวรถครอบครัวสเตชั่นแวกอน ขุมพลังไฟฟ้ารุ่นล่าสุด ‘เอ็มจี อีเอส’(NEW MG ES) สานต่อความสำเร็จจากรุ่น‘เอ็มจี อีพี’ ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม

มาภายใต้แนวคิด “COMFORTABLE เป็นทุกอย่างเพื่อทุกโมเมนต์” ดีไซน์ภายนอกผสานความลงตัวในสไตล์ BRIT DYNAMIC มาพร้อมกับ New ERA Design ออกแบบตัวรถใหม่ทั้งภายนอกและภายในที่ดูเรียบหรูผสานความล้ำสมัย

ไฟหน้า ไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟท้าย LED โฉมใหม่แบบ Light Curtain Design ที่ดูโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว กระจกมองข้างพับและปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว

มิติตัวถัง (ยาว x กว้าง x สูง) 4,600 x 1,818 x 1,543 มิลลิเมตร ระยะความยาวฐานล้อ 2,665 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 115 มิลลิเมตร

ห้องโดยสารเน้นเรียบหรู กว้างขวาง ดีไซน์ ENERGETIC BLUE STRIP พร้อมเทคโนโลยี Zero-G Seats รองรับสรีระของผู้นั่ง พวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) พร้อมระบบมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง ปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์

หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display) และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ลำโพง 6 จุด ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE-A และ TYPE- C รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android

คอนโซลแบบ DOUBLE LAYER พร้อมพื้นที่ช่องเก็บของรอบคัน และที่วางแก้ว กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบดิจิตัล พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ DENIM TEXTURE DESIGN กับผิวสัมผัสที่สบายและดูแลรักษาง่าย พร้อมเส้นสายการตกแต่งภายในโทนสีฟ้า ENERGETIC BLUE STRIP เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังพนักพิงพับได้ 60:40

ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นใหม่แบบ 8-LAYER HAIR PIN PERMANENT MAGNETIC SYNCHRONOUS MOTOR (PMSM) กำลังสูงสุดที่ 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังใหม่ SAIC E1 THREE – ELECTRIC SYSTEM แบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอรอนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 51 kWh สามารถวิ่งในระยะทาง 412 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC (NEW EUROPEAN DRIVING CYCLE) ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) หรือชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย

ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 0 – 80% ใช้เวลาประมาณ 40 นาที* ที่ความเร็วสูงสุด 87 kW ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0 – 100% ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที ที่ 6.6 kW รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kW พร้อมรองรับระบบ V2L (Vehicle to Load) เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ด้วยกำลังไฟสูงสุด 2,200 วัตต์

ช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSIONหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโครง และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง

ติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) รวม 20 ระบบ อาทิ ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) ระบบควบคุมเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) ฯลฯ

NEW MG ES มาพร้อมสีตัวถังให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเทา (Andes Gray) สีแดง (Scarlet Red) และ สีเงิน (Champagne Silver)

ส่วนราคารอลุ้นกันวันที่ 20 มีนาคม นี้ ที่งานมอเตอร์โชว์ 2023

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน