กระแสดีไม่มีตกเลยจริงๆ สำหรับยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 100% (อีวี) ว่ากันว่าเมื่อปีที่แล้วแรงแล้ว มีสัดส่วนคิดเป็น 10% ของตลาดรวม แต่วันนี้แรงกว่า เดือนม.ค. ที่ผ่านมาหมาดๆ ยอดจดทะเบียนรถอีวี มีสัดส่วนทะลุ 20% กันไปแล้ว

ด้วยราคาที่จับต้องได้ ด้วยรุ่นรถที่มีมาให้เลือกใช้งานหลากหลาย ด้วยค่าพลังงานที่ถูกกว่ารถสันดาปมากโข ทำให้นักเลงรถเมืองไทย เปิดใจพร้อมใช้งาน แต่หลายคนยังคงกังวล ถึงการต้องปรับพฤติกรรม เพื่อให้เข้ากับบุคลิกรถไฟฟ้า

ทดสอบรถยนต์

‘ข่าวสด ยานยนต์’ ลองยืมรถอีวี มาทดสอบแบบใช้งานในชีวิตประจำวัน ว่ามีอะไรต้องเตรียมตัวเตรียมใจ เมื่อเลือกเดินทางด้วยรถอีวีกันบ้าง

กริ๊งกร๊างไปหาพีอาร์สาวอารมณ์ดี พุทธชาด แสนสะสม ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ แห่งค่าย เรเว่ ออโตโมทีฟ เพื่อยืมรถบีวายดี ดอลฟิน ได้รับคำตอบว่าพร้อมให้ยืมมาทดสอบในทันที

ที่เลือกเจ้าบีวายดี ดอลฟิล เพราะเป็นรถขนาดเล็ก ราคาไม่แรงมาก เหมาะกับใครที่ต้องการเริ่มต้น เรียนรู้การใช้งานรถอีวี

ทดสอบรถยนต์

ได้รุ่น Extended Range หรือตัวท็อป กำลังมอเตอร์ 150 กิโลวัตต์ ตามสเป๊กชาร์จเต็มวิ่งได้ระยะทาง 490 ก.ม.

รับรถที่คลังเก็บรถทดสอบบีวายดี ตรงข้ามสนามกีฬาแห่งชาติ ถ.พระราม 1 การจราจรติดขัดเป็นปกติ ด้วยรูปร่างกะทัดรัด รับรู้ถึงความคล่องตัว หลบซ้าย แซงขวา ได้อย่างสบายมือ

เลือกใช้โหมดประหยัด พวงมาลัยแบบสบาย และชาร์จไฟกลับแบบมาตรฐาน

กำลังจากมอเตอร์ในช่วงตีนต้น อาจจะไม่ถึงกับจี๊ดจ๊าดหลังติดเบาะ แต่ใช่ว่าจะอืดอาดจนหน้าหนักใจ เพียงพอกับการใช้งานในเมือง ที่เดี๋ยวออกตัว เดี๋ยวจอด

วันแรกวิ่งไปทั้งหมด 24.4 ก.ม. กำลังไฟลดลงเหลือ 95% เฉลี่ย 1% วิ่งได้เกือบ 5 ก.ม. ใกล้เคียงกับ สเป๊กมากๆ จากนั้นยังคงวิ่งวนอยู่ในกรุงเทพฯ เจอรถติดบ้าง ทำความเร็วได้บ้าง

ตั้งใจจะใช้งานในเมืองให้ไฟฟ้าหมดแบตเตอรี่กันไปเลย แต่แล้วมีเหตุให้ต้องเดินทางไกล ไปเกือบถึงจ.กำแพงเพชร ว่าแล้วหาที่ชาร์จไฟให้เต็มก่อนดีกว่า อัตราสิ้นเปลืองถือว่าดูดีเลยทีเดียว วิ่งไป 173.1 ก.ม. ใช้ไฟไป 44%

ทดสอบรถยนต์

โชคดีตู้ชาร์จของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) สำนักงานใหญ่ ย่านงามวงศ์วาน ว่างอยู่ ได้ชาร์จในทันที แบบไม่ต้องรอให้กระวนกระวายใจ เหมือนคันที่ขับตามหลังมา เพราะว่าเต็มทุกตู้ ชาร์จเต็ม 100% ใช้เวลา 48 นาที เสียค่าไฟไป 173.64 บาท

หันหัวออกนอกเมือง เลือกใช้โหมดนอร์มอล เพราะต้องทำเวลาพอสมควร วิ่งขึ้นทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ การจราจรไหลลื่นต่อเนื่อง แต่ยังทำความเร็วไม่ได้มากนัก

 

จนถึงสายเอเชีย พ้น จ.พระนครศรีอยุธยาไปแล้ว เพื่อนร่วมทางเริ่มบางตา เพิ่มน้ำหนักเท้าที่แป้นคันเร่ง ตัวรถพุ่งทะยานไปข้างหน้า เข็มไมล์ไต่ความเร็วขึ้นไปต่อเนื่อง

ไม่ถึงกับปรู๊ดปร๊าด แบบค่อยเป็นค่อยไป วันนั้นไปสุดอยู่ที่ 156 ก.ม.ต่อช.ม. ใกล้เคียงกับสเป๊ก ที่ว่าความเร็วสูงสุดทำได้ 160 ก.ม.ต่อช.ม.

ช่วงล่างบนย่านความเร็วสูง มีอาการหวิวให้ได้สัมผัสอยู่บ้างพอประมาณ ด้วยเพราะเน้นให้ความนุ่มนวล ใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่ไม่ถึงกับเอารถไม่อยู่ ทั้งเปลี่ยนเลนกะทันหัน หรือเข้าโค้ง ควบคุมรถไปได้ดั่งใจ เพียงแต่จับพวงมาลัยให้แน่นขึ้นหน่อยก็พอ

ทดสอบรถยนต์

เหลือบดูตัวเลขหน้าปัด ไฟฟ้าเหลือในแบตเตอรี่อยู่ 15% มองหาสถานีชาร์จ แวะที่แรกอยู่ในปั๊มสีฟ้า จอหน้าตู้ดับสนิท ทำตามขั้นตอน ลองสแกนคิวอาร์โค้ด ก็ยังเงียบ

หยิบหัวชาร์จมาลองเสียบรถ นิ่งกริบ สรุปว่าทำไม่เป็น หรือตู้เสียก็ไม่แน่ใจ แต่เท่าที่เคยอ่านดูในเพจต่างๆ ล้วนยกให้เป็นตู้ที่ชาร์จไม่ได้อันดับ 1 ตลอดกาล

เดินหน้าหาไฟกันต่อไป เจอกับตู้ของ PEA VOLTA ไฟเหลือ 14% กำลังไฟเข้า 47.5 กิโลวัตต์ ชาร์จเต็ม 100% ใช้เวลา 1.13 ช.ม. เติมไฟเข้าไป 57.335 กิโลวัตต์ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 326.81 บาท กับระยะทางที่วิ่งได้ 299.5 ก.ม.

ทดสอบรถยนต์

ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับนักเลงรถหัวใจสีเขียวที่รักษ์โลก และต้องการความประหยัด แต่อาจจะต้องเป็นคันที่ 2-3 ของบ้าน ไว้ใช้ในเมืองเช้าไปเย็นกลับ แบบรู้ระยะทางแน่นอน

ส่วนใช้เดินทางไกล ถามว่าได้ไหม ได้แน่นอน เพียงแต่ต้องเผื่อเวลาในการชาร์จไฟ รวมถึงการต้องต่อคิว หากมีรถที่ชาร์จอยู่ก่อนหน้า

และยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องเผื่อใจ อาทิ ต้องวนหาตู้ชาร์จ หากเจอตู้ที่ใช้งานไม่ได้ สแกนไม่ติด แอพฯ รวน อินเตอร์เน็ตล่ม เพราะจะชาร์จทุกตู้วันนี้ ยังต้องผูกกับแอพพลิเคชั่น ใช้งานออนไลน์เท่านั้น

พิจารณากันดูว่า เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และพร้อมจะปรับพฤติกรรมหรือไม่ ถ้าใช่กำเงินไป 859,999 บาท สำหรับรุ่นนี้ ส่วนรุ่นสแตนดาร์ด ค่าตัวอยู่ที่ 699,999 บาท

เลือกกันได้ตามสะดวก ที่โชว์รูมบีวายดี ทั่วประเทศ

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน