เมื่อครั้งที่ “ข่าวสด ยานยนต์” ไปร่วมทริปทดสอบ โตโยต้า โคโรลล่า ครอส ใหม่ ทีมงานโตโยต้า ได้ให้ทดสอบรุ่น GR Sport ที่หน้าตายังคงเดิมตลอดทริป โดยยังไม่ได้ลองรุ่นอื่นที่ปรับแต่งหน้าตา และปรับจูนเครื่องยนต์
ว่าแล้วก่อนหยุดยาวสงกรานต์ที่ผ่านมาลองสอบถามไปยังผู้บริหารสาวอารมณ์ดี ‘แขไข’ สุชญา เชียรแกล้วกล้า รองผู้อำนวยการสาวฝ่ายบริหารการตลาดและประชาสัมพันธ์ ว่ามีให้ยืมทดสอบบ้างไหม ได้คำตอบว่าเข้าไปรับได้ในบัดดล
โตโยต้า โคโรลล่า ครอส พรีเมียม หรือรุ่นรองท็อป เครื่องยนต์ไฮบริด (HEV) ราคา 1.094 ล้านบาท จอดรออยู่แล้ว สำรวจรอบคันกันให้เสร็จสรรพ ด้านหน้าดีไซน์กันชนและกระจังหน้าใหม่ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นรถไฮบริด
ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED ไฟเลี้ยวแบบตัววิ่ง (Sequential) ตรงนี้ดีเพราะทำให้คันที่สวนมามองเห็นเด่นชัด ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สีทูโทน เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 2 ตำแหน่ง กะระยะหลัง 4 ตำแหน่ง
ภายในสีเบาะนั่งกำหนดโดยสีภายนอก คันที่ได้มาทดสอบเป็นสีดำ Attitude Black Mica ภายในเป็นสีแดงเข้ม Dark Rose ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน เอาใจไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ด้วยเพิ่มช่องชาร์จไฟ USB-C ให้อีก 1 ตำแหน่ง
หน้าจอกลางระบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อแอปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ แบบไร้สาย เบรกมือเปลี่ยนเป็นแบบไฟฟ้า พร้อมออโต้ เบรกโฮลด์ (Auto Brake Hold) ระบบหน่วงรถไม่ให้เคลื่อนที่ เมื่อหยุดสนิทแม้อยู่ในตำแหน่งเกียร์ D
Advertisement
ออกจากโตโยต้า อะไลฟ์ สำนักงานใหญ่ ย่านบางนา ก.ม.3 เลือกใช้โหมดประหยัด แม้จะเป็นช่วงสาย แต่รถรายังหนาตาอยู่พอประมาณ ความเงียบในห้องโดยสารค่อนข้างเด่นชัด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ด้วยเพราะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า นานๆ ครั้งเสียงจากเครื่องยนต์ดังขึ้นมาเพื่อปั่นไฟ หรือจังหวะเร่งที่ต้องใช้แรงเพิ่มขึ้น
ด้วยตัวรถที่สูง บวกกำลังที่มีมามากพอ ให้กำลังสูงสุดที่ 122 แรงม้า เพิ่มความคล่องตัวในการโยกซ้าย แซงขวา ได้อย่างสบายมือ ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะไม่พ้น
ขึ้นทางด่วนเพื่อนร่วมทางใหญ่น้อยเต็มพื้นที่ เคลื่อนตัวช้าๆ สลับหยุดนิ่ง แต่ไม่ได้เพิ่มความเครียด หลังจากเหลือบดูตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองแบบเรียลไทม์ทะลุ 20 ก.ม.ต่อลิตร อยู่ตลอด บางช่วงไต่ขึ้นไปถึงร่วม 25 ก.ม.ต่อลิตรกันเลยทีเดียว
ใช้ในเมืองอยู่ 3 วัน ร่วม 150 ก.ม. เจอทั้งรถติด ถนนโล่ง อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 22.2 ก.ม.ต่อลิตร เป็นตัวเลขที่น่าพอใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ต่อมามีภารกิจต้องเดินทางไปจ.สุโขทัย เลือกใช้โหมดนอร์มอล เพราะขับยาวๆ ต้องมีทำความเร็วกันบ้าง โดยเฉพาะบนสายเอเชีย
ความเร็วช่วง 100-120 ก.ม.ต่อช.ม. ไหลลื่นต่อเนื่อง ช่วงล่างแน่นกระชับ นุ่มนวลตามสไตล์รถ SUV ไปกันชิลชิล พวงมาลัยค่อนข้างคม ควบคุมรถได้ง่าย
ที่สำคัญเสียงลมแทรกเข้ามาในห้องโดยสารเบาๆ กว่าจะได้ยินเสียงลมชัดเจน 130 ก.ม.ต่อช.ม.ขึ้นไป ถือว่าผ่านจุดปราบเซียนได้อย่างสบายๆ
ถนนโล่งมีหรือจะปล่อยให้พลาดโอกาส ปรับไปเป็นโหมดพาวเวอร์ หน้าจอแสดงข้อมูลเปลี่ยนเป็นสีแดง แสดงให้เห็นถึงว่าเป็นโหมดที่เน้นพละกำลัง ความรู้สึกแรกความแรงของเครื่องยนต์ที่มากขึ้นเพราะน้ำหนักเท้าเท่าเดิม แต่ตัวรถพุ่งไปข้างหน้าเร็วขึ้น
เหมาะกับการเร่งแซง ทำความเร็ว รวมถึงนึกครึ้มต้องการความสนุกในการขับขี่มากขึ้น แต่ใช้ไปสักพักรู้สึกว่าเกินความจำเป็น เพราะทริปนี้ไม่ได้รีบร้อนไปไหน กลับมาใช้โหมดประหยัดก็เพียงพอแล้ว
หลังจากที่ลองโหมดนอร์มอลแล้วใกล้เคียงกันมาก มีเพียงความหน่วงที่เพิ่มขึ้นหน่อย แต่บอกเลยว่าถ้าไม่ได้ปรับไปปรับมาไม่มีรู้สึกหรือมีผลแต่อย่างใด ใช้โหมดประหยัดก็ทำความเร็วทะลุ 160 ก.ม.ได้ไม่ต่างกัน
เบ็ดเสร็จการทดสอบครั้งนี้ใช้น้ำมันไป 2 ถัง ถังแรกวิ่งได้ระยะ 612.1 ก.ม. อัตราสิ้นเปลือง 20.3 ก.ม.ต่อลิตร ส่วนอีกถังหนึ่งวิ่งไป 616.1 ก.ม. อัตราสิ้นเปลือง 21.3 ก.ม.ต่อลิตร ประหยัดได้ใจเลยทีเดียว กับรถไซซ์ SUV วิ่งใช้งานทั้งในเมือง ทำความเร็วนอกเมือง
ส่วนจะตรงใจและความต้องการใช้งานมากน้อยแค่ไหนต้องไปพิสูจน์และทดลองขับกันที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ
กิตติพงศ์ ศรีเจริญ
