ทดสอบ….กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ด้วยดีไซน์ที่สะท้อนความเป็นโตโยต้ายุคใหม่ ที่เน้นความล้ำสมัย โฉบเฉี่ยว พร้อมเติมเต็มอารมณ์สปอร์ต จึงไม่น่าแปลกใจ ที่พลัน โตโยต้า C-HR ครอสโอแวอร์ เผยโฉมให้เห็นกันในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป ปลายปีที่แล้ว จะจุดกระแสจนทำยอดจองสิทธิ์การเป็นเจ้าของ พุ่งพรวดกว่า 3,000 คันในบัดดล

ล่าสุดค่ายโตโยต้า ได้จัดทริปพิเศษให้ทั้งกระจอกข่าวสายยานยนต์ สายไลฟ์สไตล์ และรวมถึงลูกค้าที่จองสิทธิ์ผู้โชคดี ได้ร่วมทดสอบสมรรถนะ โตโยต้า C-HR กันถึงสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่จ.บุรีรัมย์ กันเลยทีเดียว

แต่สำหรับกระจอกข่าวสายยานยนต์ พิเศษกว่าหน่อย คือขับกันตั้งแต่ โตโยต้า Driving Experience Park สนามที่ไว้ให้ลูกค้าได้ทดลองขับรถยนต์โตโยต้า รุ่นต่างๆ ที่ถ.บางนา กม.3 ไปจนถึงสนามช้างฯ ระยะทางรวมประมาณ 400 กม. โดยขับกันคันละ 2 คน

ไดมอนต์ ดีไซน์ คือนิยามของการออกแบบโตโยต้า C-HR ด้วยเส้นสายที่คมกริบรอบตัว ขับเน้นให้ดูล้ำสมัย ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน แบบ Light Guiding เป็นเอกลักษณ์

มือจับเปิดประตูเบาะนั่งหลังอยู่ติดกับขอบกระจกบน ดูเท่ แต่ใช้งานจริงไม่ค่อยคุ้นมือ เพราะมีลักษณะเฉพาะคือง้างออกด้านเดียว เสาอากาศแบบครีบฉลาม ไฟท้าย LEDรมดำ สปอยเลอร์หลัง ติดตั้งไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED มองเห็นชัดเจนแต่ไกล

ก่อนออกเดินทางทีมงานวิศวกรได้ให้ข้อมูลต่างๆ ของ โตโยต้า C-HR แต่ที่เน้นย้ำมากๆ เพราะนำมาใช้เป็นครั้งแรกคือ แพลทฟอร์ม หรือสถาปัตยกรรมโครงสร้างใหม่ล่าสุด Toyota Global New Architecture หรือ TNGA ที่มีน้ำหนักเบา แต่ให้ความแข็งแกร่ง มีความยืดหยุ่น ช่วยให้การขับขี่ได้อย่างมั่นคง หนึบแน่น ทั้งบนย่านความเร็วสูง และเข้าโค้งได้มั่นใจยิ่งขึ้น

ขณะที่ระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นล่าสุด ที่ติดตั้งอยู่ในโตโยต้า พรีอุส รุ่นที่ 4 ซึ่งมีการพัฒนาให้มีขนาดเล็กลง เก็บประจุไฟฟ้าได้มากขึ้น และยังสามารถย้ายตำแหน่งแบตเตอรี่ในการระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น และทั้งหมดนี้ ทำให้เป็นที่มาของชื่อรุ่น C-HR – Coupe-High Rider

ออกเดินทางไปกับโตโยต้า C-HR HV HI ตัวท็อป ระบบไฮบริด ช่วงแรกเป็นผู้โดยสาร ให้น้องกระจอกข่าวไฟแรง ทำหน้าที่สารถีไปก่อน ช่วงนั่งอยู่ด้านหน้า ตรวจตราดูอุปกรณ์ต่างๆ เบาะนั่งหนัง และวัสดุสังเคราะห์ขนาดใหญ่มากนั่งนุ่มสบาย หน้าจอขนาด 7 นิ้ว รองรับความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ เชื่อมต่อผ่าน USB HDMI Micro SD Card หรือจะเป็นระบบบลูทูธ

ติดตั้งระบบนำทางเนวิเกเตอร์ และ T-Connect Telematics เชื่อมต่อผู้ขับขี่กับรถยนต์ด้วยสมาร์ทโฟน หรือแอปเปิ้ล วอชท์ ตรวจสอบค้นหาพิกัดรถ ในกรณีถูกโจรกรรม ขอแผนที่จุดหมายปลายทางกับโอปอเรเตอร์ได้ตลอด 24 ชม. และยังเป็นตัวกระจายสัญญาไวไฟให้กับผู้ใช้ในรถยนต์อีกด้วย

ถึงจุดแวะพัก คราวนี้กระโดดไปนั่งด้านหลัง ด้วยการที่เบาะนั่งด้านหน้ามีขนาดใหญ่มาก ทำให้มองไปด้านหน้าได้อย่างจำกัด และทำให้รู้สึกอึดอัด ครั้นจะมองผ่านกระจกประตูข้าง ก็เล็กไปสักหน่อย ประกอบกับตัวเบาะที่นั่งแล้วรู้สึกว่าตัวจมลงไปในเบาะ ใครที่ไม่ชอบความรู้สึกอยู่ในที่แคบ แนะนำให้ทดลองนั่งดูก่อนเป็นอันดับแรก

ถึงเวลาขึ้นนั่งตำแหน่งคนขับ ตำแหน่งผู้ขับขี่ให้ทัศนวิสัยที่ดี มองได้กว้างไกล ตกแต่งภายในด้วยสีทูโทน พวงมาลัยหุ้มหนัง พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมเครื่องเสียง สมาร์ทโฟน เรียกดูข้อมูลต่างๆ รวมถึงแป้นควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ที่หลังพวงมาลัย หัวเกียร์ขนาดใหญ่หุ้มหนัง และวัสดุมันวาว จับถนัดมือ

มาตรวัดขนาดใหญ่ทรงสปอร์ต ติดตั้งหน้าจอขนาด 4.2 นิ้ว แสดงผลข้อมูลการขับขี่ที่จำเป็น รวมถึงการทำงานของระบบไฮบริด ว่ากำลังชาร์จ ใช้พลังงานจากมอเตอร์ หรือจากเครื่องยนต์ เป็นหน้าจอสีทำให้อ่านง่ายสบายตา

กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมออกเดินทาง กำลังของเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า หรือ 72 กิโลวัตต์ ที่ 5,200 รอบต่อนาที และมอเตอร์ที่ให้กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์ ช่วยกันทำงานเพื่อเรียกทั้งกำลัง และความประหยัด มาใช้งานได้ตั้งแต่ตีนต้น ไหลลื่นต่อเนื่องถึงตีนปลาย

เกียร์อัตโนมัติ E-CVT ราบเรียบไร้รอยต่อ ไม่มีอาการสะดุดให้ได้รู้สึก ไต่ความเร็วไปตั้งแต่ยังไม่ถึง 100 กม.ต่อชม. เข็มไมล์ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง 170 กม.ต่อชม. แบบไม่ต้องขยี้ ส่วนถ้าจะไปต่อจากนั้น ก็ยังพอได้อยู่ เพียงแต่ต้องรอหน่อย แต่ก็น่ะ รถยนต์ไฮบริด คงไม่กระหน่ำแบบนี้กันบ่อยๆ

ระบบช่วงล่าง เป็นอะไรที่บ่งชี้ถึงความต่าง จากการนำสถาปัตยกรรมโครงสร้างใหม่ล่าสุด Toyota Global New Architecture หรือ TNGA เพราะให้ความนุ่ม เมื่อยามผ่านหลุมบ่อ คอสะพาน ครั้งแรกไม่แน่ใจ ลองใหม่บนความเร็วสูงขึ้น ก็ยังเหมือนเดิม รวมถึงในตำแหน่งเบาะนั่งหลัง ที่ได้ทดลองก่อนหน้านี้ ไม่มีอาการกระเด้งกระดอน จนลืมไปเลยว่านั่งอยู่บนรถทรงสูง

ถึงแม้ความนุ่มจะมีมาให้อย่างมาก แต่ความหนึบแน่นยึดเกาะถนนก็ไม่ได้ลดถอยลงไป วันนั้นอยู่บนความเร็วเกิน 150 กม.ต่อชม. กับรถครอสโอเวอร์ ถ้าช่วงล่างไม่แน่จริง บอกเลยว่ามีหวิว แต่กับโตโยต้า C-HR ยังจับพวงมาลัยแบบชิล ชิล

การเข้าโค้งกับช่วงล่างที่มีความเสถียร ประกอบกับพวงมาลัยที่ค่อนข้างคม ช่วยเพิ่มความมั่นใจ สามารถเข้าโค้งบนความเร็วสูงกว่าปกติ ทำให้กระชับฉับไว เข้าเร็ว-ออกไว เติมเต็มอารมณ์สปอร์ตให้กับการขับขี่ โดยช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังอิสระแบบปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง

ถึงสนามช้างทีมงานโตโยต้า ได้จัดเตรียมการทดสอบในสนามหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการขับแบบสลาลม ทั้งบนความเร็ว 60 กม.ต่อชม. และ 80 กม.ต่อชม. เพื่อให้เห็นถึงสมรรถนะ การเปลี่ยนเลนกระทันหัน รับรู้ถึงความหนึบของช่วงล่าง ที่แม้จะเหวี่ยงบนความเร็วสูง ก็ยังเอาอยู่ด้วยระบบความปลอดภัยที่มีอยู่เต็มคัน

โตโยต้า C-HR นับเป็นครอสโอเวอร์ รุ่นล่าสุดของเมืองไทย ที่มีทั้งดีไซน์ และสมรรถนะ ทางเลือกใหม่ ส่วนจะตรงจริต และอรรถประโยชน์ใช้สอย คุ้มค่าคุ้มราคากับตัวท็อปคันนี้อยู่ที่ 1.159 ล้านบาทหรือไม่ นักเลงรถเมืองไทย ควรแวะไปสัมผัส และทดลองด้วยตัวเอง

ข้อมูลทางเทคนิค

แบบตัวถัง อเนกประสงค์ 5 ประตู

เครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว

ความจุ 1,798 ซีซี.

กำลังสูงสุด 98 แรงม้า/5,200 รอบต่อนาที

แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร/3,600 รอบต่อนาที

มอเตอร์กำลังสูงสุด 63 กิโลวัตต์

แรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร

มิติ(กว้างxยาวxสูง) 1,795×4,360×1,565 มม.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน