เปิดตัวพร้อมราคากันไปตั้งแต่ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปเมื่อปลายเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา กับเจ้าฮอนด้าเอชอาร์-วี e:HEV 2024 เรียกเสียงฮือฮาในกลุ่มลูกค้าเซ็กเมนต์ B-SUV ได้พอสมควร
ด้วยหน้าตาใหม่ พร้อมเพิ่มสี ที่ดูให้อารมณ์ความเป็นญี่ปุ่นอย่างถึงแก่นมากขึ้น
ได้ผลค่อนข้างน่าพอใจ เพราะระยะเวลา 2 เดือนกวาดยอดจองไปแล้วกว่า 4,000 คัน งานนี้ทำเอาผู้บริหาร มนวรา เพชรพลากร ผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาด ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย ยิ้มร่า
และทีมงานฮอนด้าได้จัดทริปทดสอบเส้นทางกรุงเทพฯ-จ.นครปฐม ขับกันชิลชิลประมาณ 50-60 ก.ม. ได้รุ่น EL อาสาขับเป็นไม้แรก ส่วนขากลับเป็นรุ่น RS ตัวท็อป ขยับไปนั่งด้านหลังเป็นผู้โดยสาร
แต่ก่อนออกเดินทางมาดูกันว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ดีไซน์ภายนอกอัพลุกส์ให้ดูสปอร์ตขึ้นด้วยการออกแบบด้านหน้า พร้อมกระจังหน้าใหม่ สะท้อนความเป็นรถยนต์จากแดนปลาดิบอย่างชัดเจน และสีใหม่แลดูเรโทรเล็กๆ กับสีกากีแซนด์ (มุก)
ภายในจัดเต็มในทุกรุ่นย่อย ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สายใหม่
ช่องเชื่อมต่อ USB เพิ่มเป็น 4 ตำแหน่ง (USB-C 3 ตำแหน่ง และ USB-A 1 ตำแหน่ง) มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมจอแสดงไฟเบรก
ช่องปรับอากาศตอนหลังในทุกรุ่นย่อยฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-free Power Tailgate with Walk Away Close) อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และเทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเน็กต์ (Honda CONNECT) สั่งการได้ผ่านสมาร์ตโฟน
ระบบความปลอดภัย Honda SENSING ใส่มาให้ในทุกรุ่นย่อย อาทิ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ เป็นต้น
ขึ้นนั่งตำแหน่งคนขับด้วยความสูงในแบบฉบับรถ SUV ช่วยให้มองไปด้านหน้าได้ไกลมากขึ้น ช่วยให้การขับขี่ในเมืองที่การจราจรวุ่นวายกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก
เลือกใช้โหมดนอร์มอล กำลังที่เรียกมาจากระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ตัวแรกทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า และอีกตัวขับเคลื่อนตัวรถ ทำงานตีนต้นได้ทันใจ จะเร่งแซง หลบหลีกพี่ใหญ่ น้องเล็ก ทำได้อย่างสบายมือ
ออกนอกเมืองเริ่มทำความเร็วได้บ้าง เพิ่มน้ำหนักเท้าที่คันเร่ง ความเร็วที่เรียกมาอาจจะไม่ได้จี๊ดจ๊าดสะใจ แต่มาได้เรื่อยๆ ไม่มีเหนื่อยไม่มีท้อ จะมีที่เครียดหน่อยตอนคิกดาวน์เร่งแซงบนความเร็วสูง เพราะเสียงจากเครื่องยนต์ที่เข้ามาในห้องโดยสารค่อนข้างชัดเจน
ช่วงล่างทั้งทางเรียบความเร็วสูง เข้าโค้ง เปลี่ยนเลนกะทันหัน หนึบแน่น ให้ความมั่นใจในการขับขี่ ขณะที่ความนุ่มนวลมีมาให้พอประมาณตามสไตล์รถ SUV
ขากลับสลับไปนั่งเบาะหลัง พื้นที่วางขามีมาให้พอขยับได้ไม่อึดอัด เบาะนั่งนุ่มแน่น แรงเหวี่ยงมีให้ได้รู้สึก ไม่ถึงกับเมารถ แต่ตรงนี้บอกยากถ้านั่งนานๆ แล้วจะเป็นอย่างไร
และที่ยังดูขัดตาอยู่คือเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารตรงกลางแถวหลัง เพราะต้องดึงมาจากหลังคา แถมยังมีขั้นตอนซับซ้อนขึ้นไม่ว่าจะดึงมาใช้งานหรือจัดเก็บ
สำหรับอัตราสิ้นเปลืองที่ ‘ข่าวสด ยานยนต์’ ทำไว้กับระยะทาง 60.7 ก.ม.อยู่ที่ 16 ก.ม.ต่อลิตร ห่างจากที่ฮอนด้าเคลมไว้ค่อนข้างมาก แต่พอเข้าใจได้ว่าขับกันเท้าหนักกว่าทั่วไป แถมยังวิ่งกันระยะทางสั้นๆ ถ้าจะเอาให้ชัวร์ไว้จะนำมาทดลองขับแบบใช้งานจริงแล้วจะมานำเสนอแก่แฟนานุแฟนต่อไป
แวะไปลองสัมผัสพร้อมทดลองขับฮอนด้า เอชอาร์-วี e:HEV รุ่น EL กันดูว่าจะคุ้มค่าคุ้มราคากับค่าตัวที่ 1.079 ล้านบาทหรือไม่ ที่โชว์รูม ฮอนด้า ทั่วประเทศ
กิตติพงศ์ ศรีเจริญ
