จากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในสนามบิน สุวรรณภูมิ ช่วงค่ำวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้โดยสาร 158 ชีวิตที่เพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ กักตัว อยู่ในสนามบินหลายชั่งโมง จนผู้โดยสารเริ่มฮือไม่พอใจ

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 4 เม.ย. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผบช.สตม. และโฆษกสตม. เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ที่มารายงานตัวในพื้นที่กรุงเทพฯ มี 103 คน จาก 152 คน แบ่งเป็นมารายงานตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ 67 คน พบมีไข้สูง 1 คน ได้ส่งตัวให้แพทย์ตรวจแล้วที่โรงแรมที่กักตัว 36 คน

ส่วนตัวเลขของต่างจังหวัดจำนวน 49 คน ต้องรอกระทรวงมหาดไทยรวบรวมก่อน จึงจะสรุปได้ว่ายอดรวมทั้งหมดเท่าไร ก่อนพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย เพราะทราบชื่อและที่อยู่ทั้งหมดอยู่แล้ว สามารถดำเนินการจับกุมได้เลย

พล.ต.ต.สุรพงษ์ เปิดเผยต่อว่า อย่างไรก็ตามศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์ภาวะฉุกเฉินจะยังเปิดให้มารายงานตัว แต่ต้องมีเหตุผลชี้แจงเจ้าหน้าที่ว่าเหตุใดไม่สามารถมาตามเวลาที่กำหนดได้ ส่วนการดำเนินคดีจะพิจารณาเป็นกรณีไป

เบื้องต้นจะดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรค มีโทษ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท แต่อยากให้คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมและผลกระทบทางสังคม ซึ่งมีความรุนแรงกว่าโทษทางกฎหมาย

ด้านนายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า บรรดาผู้ปกครองของบุตรหลานที่กลับจากต่างประเทศ ขณะนี้รัฐบาลใช้มาตราการเข้มกับผู้ที่ทางกลับจากต่างประเทศหากมารอพบตัวที่สนามบิน ก็จะไม่สามารถได้พบหน้ากัน ทางเจ้าหน้าที่มีความเห็นใจ แต่ขอให้คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม

ผู้โดยสารยันให้ความร่วมมือ กักตัว แต่จนท.ปล่อยมาเอง

ด้านผู้ปกครองรายหนึ่งของสาวอายุ 17 ปี ซึ่งเป็น 1 ในผู้โดยสาร ระบุ ว่า ลูกสาวเดินทางกลับมาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งวันนี้มีบางสื่อออกมาเปิดเผยรายชื่อและที่อยู่ของผู้โดยสาร มองว่าเป็นการละเมิดสิทธิ และลูกสาวไม่ใช่อาชญากร แต่ทำไมถึงทำเช่นนี้ จึงอยากร้องเรียนรัฐบาลว่าจะนำลูกสาวไปกักตัวที่ไหนไม่มีใครว่า ยอมร่วมมือตามข้อปฏิบัติ เพราะอยากให้โรคนี้หาย

แต่เมื่อเดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่ต้องมีอะไรมาสนับสนุน ยืนยันลูกทำทุกขั้นตอนหมด เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่อนุญาตให้กลับบ้านได้เอง แต่ทำไมถึงถูกสังคมด่าทอ ขอให้หยุดด่าได้แล้ว เพราะคนเหล่านี้ไม่รู้ข้อเท็จจริง ยอมรับเสียใจที่คนไทยเป็นแบบนี้

ตนและลูกสาวไม่ได้หนีออกมา แต่เป็นเจ้าหน้าที่ปล่อยตัวออกมา ตนไม่สามารถจะเข้าไปในสนามบินแล้วดึงตัวน้องออกมาได้ มันคือสนามบิน เมื่อเจ้าหน้าที่ปล่อยน้องออกมาแล้วตนก็เตรียมสถานที่กักตัวน้องไว้อยู่แล้ว แต่เมื่อตนกลับออกมา เพื่อนไลน์มาบอกว่า มีรายชื่อน้องลงสื่อให้มารายงานตัว

ตนก็รีบพาน้องมารายงานตัวที่นี้ จนน้องได้รับการกักตัวที่รร.ในพื้นที่กทม.แล้ว ซึ่งเป็นห้องกักตัว 1 ต่อ 1 คน ตนก็รู้สึกสบายใจดีกว่าไปกักตัวที่สัตหีบ ที่ห้องหนึ่งพักถึง 3 คน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน