ภูเก็ต วันที่ 6 เม.ย. นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้มีคำสั่งจังหวัดภูเก็ตที่ 1829/2563 เรื่องมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด -19 เกี่ยวกับการสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งก่อนออกจากที่พัก และ ห้ามกระทำการหรือดำเนินการใดใดซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ

โดยระบุใจความว่า โดยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด -19 ได้ระบาดอย่างรวดเร็วและกว้างขวางไปหลายประเทศทั่วโลกโดยกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 โดยกำหนดให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ. 2558 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรฉบับลงวันที่ 25 มีนาคมพ.ศ. 2563 เกี่ยวกับโรคดังกล่าวและสถานการณ์การแพร่ระบาดในจังหวัดภูเก็ตพบว่ายังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 และมาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ. 2558 ประกอบข้อ7 (1)ประกอบข้อ 11 และข้อ 14 ของข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2558(ฉบับที่ 1 ) ลงวันที่ 25 มีนาคมพ.ศ. 2563 และข้อ 11 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการดำเนินการหรือออกคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. 2560 ประกาศ ณ วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตตามมติที่ประชุมครั้งที่ 16 / 2563 เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2563

จึงกำหนดมาตรการควบคุมการแพทยระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยขอให้ผู้ใดที่จะออกนอกเคหสถานหรือบริเวณสถานที่พำนักของตน ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง และห้ามกระทำการหรือดำเนินการใดใดซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไป

การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวนี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชนในทุกภาคส่วนเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้อย่างเด็ดขาด หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้อาจเป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ.2558 ต้องระวังโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาทและอาจเป็นความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2548 ตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2563 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง สั่ง ณ วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2563

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน