สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยถือว่าดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์รวมของโลก ยังถือว่าหนักหน่วง โดยยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นทะลุ 13 ล้านคน เสียชีวิตแล้วเกือบ 6 แสนคน

ล่าสุด นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์สรุปถึงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ว่าสายพันธุ์ที่ระบาดในยุโรปและเอเซียนั้นมีความแตกต่างกัน และไทยจำเป็นต้องระวังการระบาดระลอก 2 อย่างเต็มที่ เพราะสายพันธุ์ G ที่ระบาดในยุโรป แพร่ได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ S ที่ระบาดในไทยช่วงที่ผ่านมา แต่ไม่เกี่ยวกับความรุนแรงของโรค

โพสต์ระบุว่า “โควิด-19 แพร่กระจายโรคได้ง่ายขึ้น มีการศึกษาและเผยแพร่ในวารสาร cell มีข้อมูลที่น่าสนใจ แต่เดิมสายพันธุ์ของโควิด-19 เริ่มต้นจากประเทศจีนเป็นสายพันธุ์ S และสายพันธุ์ L
สายพันธุ์ L แพร่กระจายได้ง่ายในนอกประเทศจีน แต่สายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทยใน wave แรก พบได้ทุกสายพันธุ์ ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ S มีลักษณะจำเพาะ ในตำแหน่ง 829 บน spike โปรตีน หรือหนามแหลมที่ยื่นออกมา

มีการเปลี่ยนแปลงเป็น Threonine (T829) เลยอยากเรียกว่าเป็นสายพันธุ์ T สายพันธุ์ T เป็น ลูกสายพันธุ์ S ตอนนี้น่าจะหมดไปแล้ว เพราะเกิดเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น สายพันธุ์ L เมื่อไประบาดนอกประเทศโดยเฉพาะในยุโรป ได้ออกลูกหลานเป็นสายพันธุ์ G และ V

โดยสายพันธุ์ G มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่ง 614 บนหนามแหลมที่ยื่นออกมา (spike) โดยเปลี่ยนแปลงจาก Aspartate (D) ไปเป็น Glycine (G) หรือเรียกว่าสายพันธุ์ G614 สายพันธุ์ G นี้แพร่กระจายได้ง่ายมาก ออกลูกหลานมาเป็นสายพันธุ์ GH และ GR

จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า สายพันธุ์ G นี้แพร่ระบาดได้ง่าย (ในวารสาร cell) เพราะพบว่าผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์ G จะมีปริมาณเชื้อที่ลำคอค่อนข้างมาก จึงแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้ง่าย ทำให้ระบาดได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น แต่สายพันธุ์ G นี้ไม่ได้ทำให้โรครุนแรงขึ้น ยังคงเหมือนเดิม เพียงทำให้มีการแพร่กระจายไปทั่วโลกได้มากขึ้น

ดังนั้น ขณะนี้สายพันธุ์ที่แพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลก จึงเป็นสายพันธุ์ G มากที่สุด สายพันธุ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและมาตรวจพบใน state quarantine ของประเทศไทย จึงมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นสายพันธุ์ G แล้ว และเชื่อว่าถ้ามีการระบาดในระลอก 2 สายพันธุ์ที่จะระบาดจะต้องเป็นสายพันธุ์ G
ที่ย้อนกลับมาจากประเทศทางตะวันตกและในเอเชียอยู่ขณะนี้ ไม่น่าจะเป็นสายพันธุ์ S ที่เคยระบาดอยู่ในประเทศไทย

ขณะนี้ทางศูนย์ฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากสำนักงานควบคุมโรคเขตเมือง สปคม ในการศึกษาสายพันธุ์ที่พบอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะที่อยู่ใน state quarantine เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลพื้นฐาน และถ้ามีการระบาดเกิดขึ้นในประเทศไทย เราก็สามารถศึกษาย้อนกลับว่าสายพันธุ์ที่ระบาดน่าจะมาจากประเทศใด ในการศึกษานี้เราจะดูตำแหน่งที่มีการเปลี่ยนแปลงของไวรัสทั้งหมด 6 ตำแหน่ง ทำได้ไม่ยากและรวดเร็ว เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลสำหรับประเทศไทยต่อไป ถ้าสายพันธุ์ G แพร่ได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ S ตามที่ได้มีการศึกษาไว้ การระบาดระลอก 2 ก็จะต้องป้องกันอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตามสายพันธุ์ที่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของโรค เป็นการติดตามการระบาดวิทยา และเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดโรคได้ง่ายหรือยาก เพราะสายพันธุ์ G เจริญเติบโตได้ดีในทางเดินหายใจจึงมีปริมาณไวรัสมากกว่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน