พบติดโควิดในประเทศครั้งแรกหลังพ้นปลอดเชื้อ 100 วัน สธ.ยันผู้ต้องขังแรกรับติดจริง พร้อมเผยไทม์ไลน์ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกว่า 60 ราย พบเป็นดีเจในร้านอาหาร เตรียมปิดร้าน 3 วันทำความสะอาด

จากกรณีกรมราชทัณฑ์เปิดเผยว่ามีผู้ต้องขัง 1 ราย เป็นเพศชาย อายุ 37 ปี ต้องโทษคดียาเสพติด ของทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2563 มีผลตรวจพบเชื้อโควิด 19 ส่วนเพื่อนผู้ต้องขังร่วม 32 คน ผลตรวจเบื้องต้นเป็นลบนั้น

วันที่ 3 ก.ย. นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การพบผู้ต้องขังชายแรกรับที่มีการติดเชื้อโควิด 19 เป็นช่วงระหว่างกักกัน 14 วัน ก่อนเข้าสู่แดนปกติของทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ถือเป็นการติดเชื้อภายในประเทศหลังจากที่ผ่าน 100 วัน ที่ไม่มีรายงานการติดเชื้อภายในประเทศ

ทั้งนี้ถ้าประชาชนยังปฏิบัติตามมาตรการป้องกันความคุมโรคอย่างเคร่งครัด ได้แก่ สวมหน้ากาก ล้างมือ แยกของใช้ เว้นระยะห่าง แม้จะมีผู้ติดเชื้อที่ส่วนใหญ่ 80% ไม่มีอาการ ก็จะทำให้ลดโอกาสเรื่องการติดเชื้อระหว่างกันลงต่ำมากๆ

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

“เมื่อไรก็ตาม ถ้าประชาชนสังคมเริ่มผ่อนคลายหรือลดพฤติกรรมป้องกันควบคุมโรค จะมีโอกาสพบผู้ติดเชื้อในประเทศเรามากขึ้นตามลำดับ เพราะตอนนี้เราผ่อนคลายกิจการกิจกรรมทางสังคมต่างๆ โอกาสผู้คนมาพบปะกันจะมากขึ้น ขอให้คงการป้องกันโรคในระดับสูง อย่างสม่ำเสมอ แม้มีกิจกรรมพบปะกันมากขึ้น แออัดมากขึ้น เว้นระยะห่างลดลง ก็สามารถดำรงโอกาสการแพร่เชื้อในประเทศระดับต่ำ” นพ.สุวรรณชัยกล่าว

“เราพยายามเน้นเสมอว่า คงไม่อยู่กับตัวเลข 0 ถ้าพบผู้ติดเชื้อ จะตรวจจับให้เร็วที่สุด และตีขอบเขตเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในวงจำกัด และเรื่องเวชภัณฑ์ บุคลากร เตียง เรามีความพร้อมรองรับ ไม่อยากให้ตื่นตระหนก”

พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กล่าวว่า ตามปกติเรือนจำจะมีการแยกกักผู้ต้องขังแรกรับ มีการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ตามปกติ หากพบความผิดปกติจะรายงานมายังกรมควบคุมโรค ซึ่งผู้ติดเชื้อรายนี้เรารับทราบข้อมูลเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ซึ่งมีการส่งตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ 2 แห่ง พบว่า ติดเชื้อจริง จึงส่งทีมจากกรมควบคุมโรค สำนักอนามัย กทม. และกรมราชทัณฑ์ ลงไปสอบสวนพบว่า ผู้ป่วยรายนี้มีอาการวันที่ 29 ส.ค. แต่ไม่ชัดเจน มีแค่เสมหะเท่านั้น

จากการซักประวัติย้อนหลัง 14 วัน จากวันที่ 29 ส.ค. พบว่าวันที่ 12 ส.ค. อาศัยกับครอบครัวที่คอนโดบ้านสวนธน พุทธบูชา บางมด มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเป็นคนในครอบครัว 5 คน จะแยกกักต่อไป ส่วนการทำงานทำอยู่ที่ร้าน 3 วัน 2 คืน โดยเป็นดีเจ ที่สาขาพระราม 3 วันจันทร์ พฤหัสบดี และเสาร์ และสาขาพระราม 5 วันศุกร์และอาทิตย์ และเป็นดีเจที่ร้านเฟิร์สคาเฟ่ในถนนข้าวสารในวันที่ 18 ส.ค.

วันที่ 26 ส.ค. ขับรถยนต์ส่วนตัวไปศาลรัชดา และไปที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง โดยอยู่บริเวณกักกันก่อนเข้าแดนปกติ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 20 คน ได้แก่ ทนายความ 1 คน เจ้าหน้าที่เรือนจำ 2 คน นักโทษร่วมตัดสินคดี 2 คน และนักโทษร่วมรถโดยสาร 15 คน จะทำการแยกกักกันต่อไป

วันที่ 26 ส.ค. – 2 ก.ย. อยู่บริเวณกักกันก่อนเข้าแดนปกติในเรือนจำ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 36 คน คือ ผู้ต้องขังในห้องเดียวกัน 34 คน อาสาสมัครนักโทษ 2 คน และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 2 คน คือ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์

พญ.วลัยรัตน์กล่าวว่า การสอบสวนโรคจะดูผลการตรวจก่อนว่ามีใครใกล้ชิดที่ป่วยหรือติดเชื้อบ้าง และอาจย้อนขึ้นไปอีก หากไม่เจอใคร โดยต้องดูในชุดแรกก่อน ทั้งนี้ คนที่เคยไปร้านที่ผู้ติดเชื้อเป็นดีเจ ถ้าคนในร้านมีการสวมหน้ากาก ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกัน ก็จะไม่ใช่สัมผัสเสี่ยงสูง

ดังนั้นขอให้ทบทวนตนเองว่า เคยพูดคุยโดยไม่สวมหน้ากากกับผู้ป่วยรายนี้หรือไม่ ถ้าเคยไปคุยเกิน 1 เมตร นานกว่า 5 นาที อาจสัมผัสเสี่ยงสูง หรือสังเกตอาการถ้ามีไอ เจ็บคอ น้ำมูก หลังๆ มีหลายรายจมูกไม่ได้กลิ่น ไม่รับรส มีไข้ร่วม ถ้าสงสัยไปตรวจได้ในรพ.

นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ปัจจุบันเรามีผู้ต้องขังที่ดูแล 3 แสนราย รายนี้ถือเป็นรายที่ 2 ที่พบ ซึ่งการพบเกิดจากมาตรการที่เรือนจำกำหนด โดยผู้ต้องขังรายใหม่ทุกรายจะแยกกักไว้ 14 วัน หรือกรณีมีคนมาเข้าใหม่ หรือไปตรวจสุขภาพ รพ.ภายนอก หรือไปศาล ก็ต้องเข้ามากักตัว 14 วันเช่นกัน

รายนี้ได้รับความร่วมมือจากคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล มาช่วยตรวจ พบผลบวกต่อโควิด ยืนยันว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการแพร่เชื้อภายในทั้งเรือนจำ เพราะแบ่งแยกพื้นที่ชัดเจนสำหรับรายใหม่ที่ต้องกักนอกเรือนจำครบ 14 วันก่อน โดยทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางบางเขนมีผู้ต้องขังประมาณ 8 พันคน ส่วนผู้เกีย่วข้องสัมผัสเสี่ยงสูงของกรมฯ เรามีรายชื่ออยุ่แล้วสามารถติดตามได้

นพ.เมธิพจน์ ชาตะเมธีกุล ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคติดต่อ สำนักอนามัย กทม. กล่าวว่า กทม.ลงสอบสวนโรคที่กรมราชทัณฑ์ บ้านผู้ป่วย และศาล โดยที่บ้านผู้ป่วยพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 7 ราย แต่ติดตามได้ 5 ราย เก็บสิ่งส่งตรวจเรียบร้อย ยังเหลืออีก 2 รายที่อยู่ในปริมณฑลกำลังจะประสานในการตรวจเช่นกัน

นอกจากนี้กำลังตามสถานที่ทำงานผู้ป่วยว่าเป็นที่ไหนบ้าง และดำเนินการปิดเพื่อทำความสะอาด 3 วัน และสอบสวนผู้ใกล้ชิดในที่ทำงานทั้งหมด เพื่อจะแยกคนสัมผัสเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน