“สาธิต” เชื่อไทยเกิดโควิดระบาดระลอก 2 แน่ แต่วางระบบเตรียมพร้อมแล้ว “หมอยง” คาดสิ้นปี 63 ผู้ป่วยโควิดทั่วโลกอาจถึง 80-100 ล้านคน หากระบาดระลอก 2 อาจเป็นสายพันธุ์จี มองอนาคตจะเป็นเชื้อโรคตามฤดูกาล

วันนี้ (30 ต.ค.) ที่ รพ.ราชวิถี นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเปิดงาน Virtual Policy Forum : Updating on Diagnosis, Treatment and Vaccine of COVID-19 ว่า ตนมองว่าการระบาดระลอก 2 ย่อมต้องเกิดขึ้น ทั้งกรณีเดินทางเข้ามาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือลักลอบเข้าตามช่องทางธรรมชาติ ซึ่งยังไม่สามารถควบคุมได้เต็มระบบ แต่การเข้าออกทางสนามบินมีระบบที่ค่อนข้างมั่นใจ อย่างไรก็ตาม อีก 1 ปีหรือ 1 ปีครึ่ง โลกเราจะเดินทางไปสู่ความเป็นปกติสุข เนื่องจากจะมีวัคซีนป้องกันโควิด 19 ไม่ว่าจะเป็นโคแวกซ์(COVAX) หรือแอสตราเซเนกา

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

นายสาธิต กล่าวว่า ปัจจุบันญี่ปุ่นอนุมัติงบ 2 แสนล้านบาท เพื่อฉีดวัคซีนให้กับทุกคน ส่วนไทยรัฐบาลจะเตรียมเงิน 2 หมื่นล้านบาท หากเราได้รับวัคซีนแล้ว โดยเราจะได้ประมาณ 13 ล้านโดสหากผลิตสำเร็จ โดยจะนำมาแบ่งกลุ่มว่า จะแบ่งให้กลุ่มไหนอย่างไร ทั้งกลุ่มผู้สูงอายุ บุคลากรทางการแพทย์ที่ใกล้ชิดสถานการณ์โควิด และไม่จำเป็นต้องให้ผู้บริหาร หรือคณะรัฐมนตรีก่อนเลย ซึ่งเคยมีคนบอกควรให้ผู้บริหารในการดำเนินการแก้โควิด แต่ส่วนตัวไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญเราต้องเตรียมความพร้อมทุกอย่าง และเตรียมรองรับระลอก 2 ที่จะเกิดขึ้นโดยปัจจุบันในกทม. ทางการแพทย์รับได้ประมาณ 200 เตียงต่อวัน ซึ่งก็ถือว่ามั่นใจได้ในทางการแพทย์ ขณะที่กรมควบคุมโรคก็มีการอบรมผู้ที่จะมาสอบสวนโรคเพิ่มเติม แต่สิ่งสำคัญอย่าเสพติดกับตัวเลขผู้ป่วยเป็นศูนย์ราย แต่เราต้องเน้นการสอบสวนโรคให้เร็ว ควบคุมโรคได้ และต้องไม่ปกปิดข้อมูล

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อภิปราย Updating COVID-19 ว่า ปัจจุบันเชื้อไวรัสโคโรนาตามฤดูกาลมี 4 ตัว และโควิด 19 ตัวนี้ในอนาคตจะเป็นตัวที่ 5 ซึ่งจะกลายเป็นเชื้อตามฤดูกาล

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีข้อมูลว่า กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 30 ปี อัตราตายน้อยมาก ขณะที่ผู้สูงอายุจะมีอาการและความรุนแรงมากกว่า สำหรับการติดเชื้อส่วนใหญ่ 80% แทบไม่มีอาการ มีอาการ 20% และจะรุนแรงถึงต้องเข้าไอซียูประมาณ 3% จริงๆ โรคนี้เมื่อเทียบกับอีโบลายังมีความรุนแรงไม่เท่า จึงพบเกิดการระบาดทั่วโลกได้ง่าย เพราะอีโบลาเป็นแล้วน็อกเลย

สำหรับอัตราการเสียชีวิตของโรคนี้ เมื่อเทียบกับโรคซาร์สกับเมอร์ส พบว่า โควิดน้อยกว่ามาก โดยโรคนี้อัตราเสียชีวิตจะสูงขึ้นตามอายุ โดยอายุ 50 ปีขึ้นไปจะพบอัตราเสียชีวิตขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไป ส่วนการประเมินสถานการณ์การระบาดของทั่วโลก คาดการณ์ว่า สิ้นปีนี้อาจถึง 80-100 ล้านคน

“สำหรับพม่า จุดที่น่ากลัวคือ การเข้าออก ถ้าเข้าออกตามกฎเกณฑ์ไม่น่ากลัวเลย แต่ที่กลัวคือ จะปีนรั้วเข้ามา โดยไม่ได้เข้าออกตามประตู และจังหวัดที่น่ากลัวคือ ระนอง อย่างอีก 1-2 เดือนมรสุมหมด จะมีผู้อพยพทางทะเลที่จะไปต่อมาเลเซีย จุดพวกนี้ที่ลักลอบเข้ามาน่ากลัวกว่า ซึ่งของพม่าตายไปกว่า 1 พันคนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ไทยถือว่ารับมือได้ดี อย่างสูงสุดผู้ป่วย 188 คน ยกตัวอย่าง หากจังหวัดมี 1 ล้านคน มีผู้ป่วยวันละ 5 คน ประเทศไทยรับได้ เพราะเรารู้ว่า ผู้ป่วยจริงๆ ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ มีส่วนน้อยที่มีอาการมากจนต้องเข้าไอซียู” ศ.นพ.ยง กล่าว และว่า ที่น่ากังวลคือ ปัจจุบันคนกลับสแกนไทยชนะน้อยลง ซึ่งจริงๆควรทำอย่างสม่ำเสมอ

ศ.นพ.ยง กล่าวอีกว่า สำหรับรหัสพันธุกรรมของไวรัสตัวนี้มีการถอดไปแล้วมากกว่า 1 แสนตัว โดยมีของประเทศไทยประมาณ 400 ตัว โดยสายพันธุ์แอลโตในยุโรป และแตกออกลูกหลานเป็นสายพันธุ์อี และสายพันธุ์จี แต่สายพันธุ์จี มากสุด และแตกลูกหลานเป็นจีอาร์ กับจีเอส อย่างไรก็ตาม สายพันธุ์ต้นตอ สายพันธุ์เอส และแอลเริ่มหมดไป

ดังนั้น ของไทยถ้ามีระลอก 2 ก็จะเป็นสายพันธุจี อย่างไรก็ตาม สายพันธุ์ต่างๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของโรค จึงไม่ได้มีผลต่อการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับอัตราการกลายพันธุ์ของไวรัสตัวนี้น้อยกว่าไข้หวัดใหญ่ 10 เท่า ซึ่งไข้หวัดใหญ่เมื่อมีการกลายพันธุ์ จึงต้องฉีดวัคซีนทุกปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน