“อนุทิน” รับมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1.17 แสนโดส จ่อใช้ฉีดคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่บังคับ “บิ๊กป้อม” ฉีดวัคซีน เผยอุปทูตจีนแจ้งเตรียมส่งวัคซีนซิโนแวคอีก 8 แสนโดสเข้าไทย 25 มี.ค.นี้ พร้อมขอช่วยฉีดวัคซีนโควิดให้คนจีนในไทย โดยขอสนับสนุนวัคซีน ตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนคนจีนโพ้นทะเล ตกลงวัคซีนพาสปอร์ต 2 ประเทศ ฟื้นเดินทางท่องเที่ยว เศรษฐกิจ
วันนี้ (8 มี.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น. ที่คลังเก็บวัคซีน กรมควบคุมโรค นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. และผู้บริหาร สธ. รับมอบวัคซีนโควิด 19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า 117,300 โดส โดย นายอนุทินกล่าวว่า ได้มาตรวจสอบความเรียบร้อยกับตา พบว่า วัคซีนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ถูกเก็บรักษาไว้ในห้องควบคุมอุณหภูมิตามมาตรฐาน จากนี้จะส่งตัวอย่างส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจ ซึ่งวัคซีนนี้จะช่วยให้ฉีดครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย บุคลากรอายุ 60 ปีขึ้นไปใน 5 จังหวัด และบุคคลสำคัญของประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้นำประเทศที่จะฉีดวัคซีนของแอสตร้าฯ นอกจากนายกรัฐมนตรี จะฉีดให้คนอื่นด้วยหรือไม่ เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายอนุทิน กล่าวว่า แล้วแต่ท่านไปบังคับไม่ได้ พรุ่งนี้จะเรียนนายกฯ ว่ามีความพร้อมแล้ว ส่วนจะฉีดวันไหนท่านจะกำหนดลงมา อย่างไรก็ตาม นายกฯ ก็อยู่ในเกณฑ์ที่จะฉีดวัคซีน เพราะเป็นผู้นำประเทศ แสดงเจตจำนงว่าจะฉีดเพื่อให้เกิดความมั่นใจ มีการเดินทางบ่อยๆ ประชุมพบปะคนจำนวนมาก
เมื่อถามถึงกรณี นายหยาง ซิน อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้ามาหารือวันนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า มาหารือ 4 เรื่อง ได้แก่ 1.มายืนยันว่าทางการจีนอนุมัติวัคซีนซิโนแวค 8 แสนโดสให้ไทยแล้ว คาดว่ามาถึงไทยประมาณวันที่ 25 มี.ค. ซึ่งท่านอุปทูตรักษาการบอกมาอย่างนี้ ไม่ใช่ตนพูดเอง 2.ขอให้ไทยช่วยพิจารณาฉีดวัคซีนโควิดให้คนสัญชาติจีนที่พำนักอยู่ในไทย เรารับในหลักการ เพราะไทยจีนก็พี่น้องกัน โดยไทยจะทำหนังสือขอรับการสนับสนุนวัคซีนจากจีนในฐานะมิตรประเทศ ซึ่งนายหยางซินหารือกับนายกฯ มารอบหนึ่งแล้ว ขอให้ทำหนังสือแสดงความจำนงขอรับวัคซีน ซึ่งหากให้วัคซีนมาก็อาจระบุเงื่อนไขว่าให้ดูแลคนจีน
3.ขอให้พิจารณาร่วมกับประเทศจีน จัดตั้งศูนย์การฉีดวัคซีนให้ชาวจีนโพ้นทะเลในภูมิภาคอาเซียนหรืออินโดจีน ถ้าทำได้ ซึ่งฟังแล้วเป็นเรื่องที่ดี ถ้าตั้งได้ก็จะเกิดผลดีกับไทย จะได้นักท่องเที่ยวด้วย เพราะต้องฉีด 2 โดส กรมควบคุมโรคจะต้องไปหารือร่วมกับจีนว่าระหว่างรอฉีดเข็ม 1 เข็ม 2 จะสามารถท่องเที่ยวในไทยภายใต้มาตรการความปลอดภัยอย่างไร เรื่องนี้เรารับคอนเซ็ปต์มาก่อนแล้วมาหารือกัน ฟังดูแลเป็นสิ่งที่ควรเกิดขึ้น เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง สร้างความมั่นใจ เป็นชื่อเสียงของประเทศ เราก็ต้องพิจารณาอย่างจริงจัง
และ 4.เรื่องการยอมรับวัคซีนพาสปอร์ตระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งจะทำให้ผ่านการเข้าเมืองไม่ยุ่งยาก เป็นบับเบิลกัน ช่วยให้การกลับคืนภาวะปกติได้เร็วยิ่งขึ้น เศรษฐกิจเริ่มมีการหมุนเวียน มีการสัญจรไปมาของคนมากขึ้น เราต้องรีบทำก่อนที่คนอื่นจะทำ เพื่อให้คนท่องเที่ยวและประกอบธุรกิจเดินหน้า มีแต่เรื่องดีๆ ที่ท่านอุปทูตรักษาการหยางซิน ช่วยเหลือประสานงานให้เกิดประโยชน์ด้านสาธารณสุขตลอด ซึ่งหากชาติอื่นๆ ประสงค์อยากจะทำเช่นนี้ก็ได้หมด เรายินดี
เมื่อถามถึง ค่าบริหารจัดการในการฉีดวัคซีนให้คนจีน นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องหารือกัน สมมติเขาให้วัคซีนมาหลายล้านโดส แล้วประชากรเขามีประมาณ 2 แสนคน แล้วให้เราช่วยฉีดให้ จะเอาหรือไม่ เป็นเรื่องน้ำใจซึ่งกันและกันด้วย อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ต้องเจรจากันก่อน และปรึกษากระทรวงการต่างประเทศเรื่องรูปแบบการออกหนังสือขอรับการสนับสนุนทางการจีนต้องทำอย่างไร