สธ.เผยโควิดเพิ่ม แต่เริ่มชะลอตัวลง พบติดเชื้อรายวันเหลือ 42 จังหวัด หลังประชาชนเดินทางน้อยลง หลีกเลี่ยงการรวมตัว แต่ยังต้องจับตาสถานการณ์รายวัน

วันที่ 13 เม.ย.64 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 ว่า ทั่วโลกยังมีการติดเชื้อสูง วันนี้ยอดสะสม 137.2 ล้านราย สหรัฐอเมริกา อินเดีย บราซิล ยังติดเชื้อสูง เพื่อนบ้านยังต้องจับตากัมพูชา ติดใหม่ 277 ราย มาเลเซีย และเมียนมา ส่วนประเทศไทยวันนี้ติดเชื้อ 965 ราย แนวโน้มเพิ่มขึ้นแต่ค่อนข้างชะลอตัวลง ไม่พุ่งชันเหมือนช่วง 2-3 วันแรกที่ผ่านมาในการระบาดระลอกใหม่ เม.ย. 2564

ซึ่งขณะนี้มีผู้ติดเชื้อของระลอกใหม่ 5,597 ราย สูงสุดที่ กทม. 1,625 ราย รองลงมาคือเชียงใหม่ 880 ราย เนื่องจากมีการระบาดในกลุ่มนักศึกษาช่วงปิดเทอม ขอเตือนว่า นักเรียนนักศึกษาช่วงปิดเทอมให้งดกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันในกลุ่ม เพราะการติดเชื้อส่วนใหญ่จะไม่มีอาการหรืออาการน้อย ติดต่อกันได้ค่อนข้างไว ส่วนชลบุรีติดเชื้อรวม 574 ราย เกี่ยวเนื่องจากสถานบันเทิงใน กทม.

“การระบาดส่วนใหญ่อยู่ในกทม. ปริมณฑล และจังหวัดใหญ่ๆ บางจังหวัดที่มีเหตุการณ์พิเศษ เช่น ประจวบคีรีขันธ์ มีการแสดงคอนเสิร์ต คนรวมกันจำนวนมาก มีผู้ติดเชื้อเข้าไปและเกิดการระบาดขึ้น” นพ.โอภาสกล่าว และว่า

ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไว จึงมีการทำแผนที่สถานการณ์ติดเชื้อรายวัน หากเป็นสีขาวคือ ไม่มีติดเชื้อในวันนั้น สีเขียวมีผู้ติดเชื้อ 1-10 รายในวันนั้น สีเหลืองมีผู้ติดเชื้อ 11-50 รายในวันนั้น สีส้มมีผู้ติดเชื้อ 51-100 รายในวันนั้น และสีแดง มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 100 รายในวันนั้น

โดยวันนี้ (13 เม.ย.) มีผู้ติดเชื้อใน 42 จังหวัด ดูเหมือนลดน้อยลงหากเทียบกับวันที่ 12 เม.ย. ที่มีติดเชื้อ 62 จังหวัด เพราะการเดินทางของประชาชนเริ่มอิ่มตัว และลดน้อยลง ถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่จังหวัดที่จับตามี 2 จังหวัด คือ เชียงใหม่ และ กทม. ที่มีการติดเชื้อเกินวันละ 100 ราย ทั้งนี้ จากการขอร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น ลดการรวมตัวกัน เริ่มส่งผลให้เห็นภาพที่เราอยากเห็น แต่สถานการณ์ต้องติดตามรายวันต่อเนื่อง

นพ.โอภาสกล่าวว่า สำหรับการระบาดระลอกใหม่ แบ่งพื้นที่สี เป็น 5 ระดับ คือ สีขาว ไม่มีผู้ติดเชื้อ 3 จังหวัด, สีเขียว มีผู้ติดเชื้อเข้ามา แต่ไม่มีการติดเชื้อในพื้นที่ 24 จังหวัด, สีเหลือง มีผู้ติดเชื้อจากจังหวัดอื่นเข้ามา และมีการติดเชื้อในครอบครัว 22 จังหวัด, สีส้ม มีการระบาดในจังหวัด ในชุมชน แต่น้อยกว่า 50 ราย มี 20 จังหวัด และ สีแดง มีการติดเชื้อในพื้นที่มากกว่า 50 รายขึ้นไป มี 8 จังหวัด

ได้แก่ กทม. 1,434 ราย เชื่อมโยงสถานบันเทิง 74%, เชียงใหม่ 629 ราย เชื่อมโยงสถานบันเทิง 79%, ชลบุรี 498 ราย เชื่อมโยงสถานบันเทิง 42%, สมุทรปราการ 367 ราย เชื่อมโยงสถานบันเทิง 13%, นราธิวาส 296 ราย ไม่เกี่ยวกับสถานบันเทิง เป็นการติดเชื้อในเรือนจำ ควบคุมการระบาดได้แล้ว, ประจวบคีรีขันธ์ 232 ราย เชื่อมโยงสถานบันเทิง 66%, สมุทรสาคร 166 ราย เชื่อมโยงสถานบันเทิง 11% และ สระแก้ว 94 ราย เชื่อมโยงสถานบันเทิง 66%

นพ.โอภาสกล่าวว่า กรณีที่เชื่อมโยงสถานบันเทิงตอนนี้มี 2,626 คน ส่วนใหญ่จะเป็นการติดเชื้อในนักท่องเที่ยว รองลงมาคือพนักงาน และผู้สัมผัสอื่นๆ โดย กทม.พบว่า เป็นนักท่องเที่ยว 39% พนักงานงาน 31%, ชลบุรี เป็นนักเที่ยว 63%, สมุทรปราการเป็นนักเที่ยว 68%, ประจวบคีรีขันธ์เป็นนักเที่ยว 78%, สระแก้วเป็นนักเที่ยว 56% และนนทบุรีเป็นนักเที่ยว 40%

ดังนั้น การจัดกิจกรรมรวมตัวคนหมู่มากที่แออัด เป็นความเสี่ยงสูงสุด เป็นจุดเสี่ยง ขอให้หลีกเลี่ยงจนถึงสิ้นเดือนเม.ย.เป็นอย่างต่ำ

ทั้งนี้ ถ้าไม่ทำอะไรเลยภายใน 1 เดือนข้างหน้า จะติดเชื้อวันละ 9,000 ราย แต่เรามีการปิดสถานบันเทิง ประชาชนร่วมกันควบคุมโรค ตอนนี้ติดเชื้อวันละ 900 กว่าราย จึงต้องช่วยกันลดกิจกรรมการรวมตัวกัน การชกมวย การวิ่งที่รวมตัวมากๆ เราจะลดผู้ติดเชื้อเหลือ 500-600 รายต่อวัน ถ้าเราร่วมกันทำงานที่บ้าน จะลดผู้ติดเชื้อได้เหลือเฉลี่ยไม่ถึง 400 ราย

ส่วนต้องล็อกดาวน์หรือไม่ ถือเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่คงไม่ล็อกดาวน์ทั้งประเทศ เพราะแต่ละจังหวัดสถานการณ์แตกต่างกัน จะล็อกดาวน์เฉพาะจุด จะลดผู้ติดเชื้อเหลือน้อยกว่า 100 รายต่อวัน

“เรื่องทำงานที่บ้าน นายกฯ มีคำสั่งให้หลังสงกรานต์ เป็นต้นไป ให้หน่วยงานราชการทุกแห่งใช้มาตรการทำงานที่บ้านเต็มรูปแบบ โดยไม่เสียเรื่องการบริการประชาชน ซึ่งเคยทำสำเร็จมาแล้ว รวมทั้งขอความร่วมมือภาคเอกชนให้ทำงานที่บ้านมากที่สุดจนถึงสิ้นเดือนเม.ย.”นพ.โอภาส กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน