“อนุทิน” ชง ศบค.ชุดใหญ่ “คุมเข้มจ.สีแดง ปิดสถานบันเทิง ยาวสิ้น เม.ย.-ห้ามสังสรรค์ในครอบครัว-ให้อำนาจผู้ว่าฯตัดสิน ห้ามออกนอกเคหะสถานหรือไม่ -ไม่ห้ามข้ามจังหวัด แนะปชช.ให้ดูข้อกำหนดแต่ละพื้นที่ ย้ำ เตียงรพ.ยังเพียงพอ รองรับสถานการณ์

เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 16 เม.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ว่า ทางสาธารณสุข จะเสนอที่ประชุมพิจารณามติของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่เสนอปรับโซนสีพื้นที่จังหวัดทั่วประเทศ ส่วนการเดินทางของประชาชนยังคงเดินทางไปมาได้ แต่ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละจังหวัดจะออกมาตรการรองรับอย่างไร รวมถึงให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจตัดสินใจเรื่องการออกนอกเคหะสถาน เช่น จังหวัดสมุทรสาคร เคยประกาศก่อนหน้านี้เพราะเขาทราบถึงสถานการณ์ในจังหวัดดี

โดยมาตรการในภาพรวมของทั้งประเทศ พยายามจะให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด แต่จะเข้มข้นขึ้นบางเรื่อง โดยจะเสนอห้ามการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารและสถานประกอบการต่างๆ และให้ปิด ผับ บาร์ คาราโอเกะ ไปจนถึงสิ้นเดือน เม.ย.นี้ เพราะหวังว่าถ้าประชาชนรวมกลุ่มกันน้อยลง จะลดการแพร่ระบาดได้

ส่วนการจำหน่ายสุราในร้านค้าทั่วไป จะขอความร่วมมือให้ซื้อกลับไปกินที่บ้านแต่ไม่ใช่ว่าห้ามขายในร้านอาหารแล้วไปนัดกันที่บ้าน ดังนั้น จะเสนอ ศบค.ไม่ให้มีการเลี้ยงสังสรรค์กันสำหรับคนในครอบครัวเพิ่มเติม เพราะจะเป็นการรวมตัวของคนจำนวนมาก

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการรวมกลุ่มเล่นการพนันในโรงพยาบาลสนาม นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน คงไม่มีถึงขนาดนั้น ซึ่งผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนามทุกคนถือเป็นผู้ป่วยจะไม่มีการแพร่เชื้อกันเพิ่มขึ้น แต่ถ้ามีการตั้งวงเล่นการพนันกันก็คงต้องออกจากโรงพยาบาลสนามไปเข้าคุก เรื่องนี้ผู้รับผิดชอบในโรงพยาบาลสนามคงต้องไปดูแล หากเป็นการเล่นเพื่อผ่อนคลายไม่ใช่การพนัน คลายเครียดเล่นดีดนิ้ว ไม่ได้แพร่กระจายเชื้อก็โอเค

ทั้งนี้วงรอบของการแพร่เชื้อจะอยู่ที่ 2 สัปดาห์ ขอให้เราอึดกันอีก 2 สัปดาห์จะต้องดีขึ้น แม้ตัวเลขอาจจะไม่เป็นศูนย์ แต่เมื่อมีมาตรการออกมา 2 สัปดาห์นี้ตัวเลขจะลดลง หากเราหย่อนมาตรการวงรอบจะไม่ตัดวงจรการระบาด ดังนั้น 2 สัปดาห์หลังจากนี้เราคิดว่าน่าจะตัดวงจรได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าเข้มสุดๆก็กังวลว่าประชาชนจะเดือดร้อน เราพยายามทำในระดับที่ระบบสาธารณสุขยอมรับได้ และได้รับความร่วมมือจากประชาชน ก็จะสามารถประดับประคองสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติได้

เมื่อถามถึงความพร้อมเตียงสำหรับคนไข้ นายอนุทิน กล่าวว่า ยืนยันว่ามีเพียงพอ แต่บุคคลากรทางการแพทย์เรามีเท่านี้ ดังนั้นเมื่อเราใช้มาตรการที่เข้มข้นอยู่ในช่วงนี้ก็หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากประชาชนมนการป้องกันตัวเองด้วย เพราะจำนวนผู้ป่วยแต่ละวัน ในช่วงสัปดาห์หลังจากนี้จะค่อยๆลดลงไป ขณะที่กทม.ก็เตรียมโรงพยาบาลสนามไว้แล้ว ถ้าไม่ถึงขั้นจำเป็นมากเราก็อยู่ในระบบสาธารณสุข ในโรงพยาบาลจะดีกว่า แต่ถ้าเราไม่มีมาตรการอะไรเลยแบบนั้นจะไม่พอ จำเป็นต้องใช้โรงพยาบาลสนาม และต้องเน้นการรักษาที่บ้าน ซึ่งเราไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น

ยืนยันตอนนี้ยังดูแลไหวอยู่ ก็อยากให้ทุกคนได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างเต็มที่ แต่ก็ยอมรับว่าการเข้ารักษาตัวของประชาชนตอนนี้ยากกว่าเดิม เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงกว่าก่อนหน้านี้ ตอนนี้ถ้าใครเป็นก็ขอว่าให้กักตัวอยู่ในบ้านและเว้นระยะห่างกันที่สุด หน้ากากอนามัยต้องไม่หลุด แต่ระบบก็จะไล่ส่งรถไปรับให้ทุกคนมารักษาพยาบาล และตอนนี้ก็เริ่มมีการให้ผู้ป่วยที่มีรถส่วนตัวให้เข้ามาที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา เป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

สำหรับแผนการกระจายวัคซีนที่เพิ่งได้รับมา 1 ล้านโดสเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา จะเน้นกระจายไปที่บุคลากรทางการแพทย์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ยืนยันเราไม่ปิดกั้นการจัดหาวัคซีนและพร้อมให้ทุกฝ่ายร่วมดำเนินการ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน