สธ.เผยผลการวิเคราะห์ สถานการณ์โควิด เตือนติดเชื้อในที่ทำงานหลังสงกรานต์ หลังพบคลัสเตอร์ ฉะเชิงเทรา ประธานทำลูกน้องติด 17 ราย ห่วงสุขภาพจิตคนไทย

เมื่อวันที่ 21 เม.ย.64 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เฉวตสรร นามวาท ผอ.กองโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ว่า การระบาดระลอกนี้ รายงานการเสียชีวิตในคนอายุน้อย มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น สัมพันธ์กับการติดเชื้อในวัยหนุ่มสาว ที่เชื่อมโยงกับสถานบันเทิง ในที่ทำงาน และครอบครัว

ทั้งนี้ มีรายงานคลัสเตอร์ โรงงานแห่งหนึ่ง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นประธานบริษัทซึ่งได้ไปงานมอเตอร์โชว์เมื่อต้นเดือน เม.ย. จากนั้นวันที่ 9 เม.ย. เริ่มมีอาการป่วย และมีกิจกรรมรดน้ำสงกรานต์ภายในโรงงานด้วย ทำให้มีผู้สัมผัสและมีการติดเชื้อ 11 ราย จากผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 72 ราย และมีผู้ติดเชื้อในครอบครัวอีก 4 ราย ซึ่งรวมแล้ว 17 ราย กรณีนี้เป็นการสัมผัสเชื้อในที่ทำงาน จึงเป็นที่มาว่าในสถานประกอบการไม่ควรมีกิจกรรมที่รวมตัวกัน หากเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง รวมถึงการรับประทานอาหารก็ควรแยกการรับประทาน ไม่ควรมีการสังสรรค์ร่วมกัน

“ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 นอกจากมีความเจ็บปวดทางร่างกายแล้ว ก็ยังมีผลกระทบทางจิตใจ มีความกดดันทางจิตใจ ด้วย ซึ่งขณะนี้มีรายงานว่าผู้ติดเชื้อโควิดฆ่าตัวตายเข้ามา 1 ราย หากได้ข้อสรุปที่เรียบร้อยแล้วก็จะมีการรายงานต่อประชาชนต่อไป” นพ.เฉวตสรร กล่าว

ด้าน ผศ.พิเศษ นพ.ปราการ ถมยางกูร ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กล่าวว่า การระบาดของโรคโควิดทำให้คนมีความกังวลเพราะกลัวว่าตัวเองจะติดโรคหรือไม่ คนใกล้ตัวจะติดโรคหรือไม่ ซึ่งเมื่อกังวลมากๆ ก็จะกลายเป็นความเครียด และทำให้เกิดความโกรธแค้นต่อสิ่งต่างๆ โกรธคนแพร่เชื้อ โกรธระบบบริการ โกรธในเรื่องต่างๆ รวมไปถึงการโกรธและการรังเกียจเรื่องเชื้อชาติ เหมือนที่ปรากฏเป็นข่าวคนเอเชียทุกทำร้ายร่างกายในหลายๆ ประเทศ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บางคนกลัว เครียดจนไม่กล้าออกไปข้างนอก ไม่ทำอะไรเลยก็มี

“ถ้าติดเชื้อ อันดับแรกคือต้องตั้งสติ โรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ เพราะฉะนั้นต้องมีสติ จากนั้นก็ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่าง เป็นไปตามสเต็ปซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับโรค และวิธีปฏิบัติตัว รวมถึงหน่วยงานที่เราสามารถติดต่อได้นั้น เราสามารถเตรียมตัวเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ได้ เมื่อเกิดการติดเชื้อหรือคนใกล้ชิดเราติดเชื้อจะได้ไม่ตื่นตระหนก หรือเครียดเกินไป” นพ.ปราการกล่าว

วิธีสังเกตว่าตัวเราหรือคนใกล้ชิดมีความเครียดเกินไปหรือไม่นั้นสังเกตได้จากหัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น เหงื่อออกง่าย ปวดหัว ความคิด จิตใจไม่แจ่มใส ดังนั้น วิธีที่จะช่วยให้คลายเครียดคือการไม่เสพข่าวสารมากเกินไป ออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย ทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง

สำหรับการป้องกันตัวเองเพื่อให้ปลอดจากโรค คือ การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง และล้างมือบ่อย ซึ่งเมื่อเราป้องกันตัวเองดีจะทำให้ปลอดภัยจากสถานการณ์ก็จะไม่เครียดเกินไป หรือถ้าไม่รู้จะพูดหรือคุยกับใครสามารถปรึกษาสายด่วน 1323 ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน