ศบค.ชี้โควิดระลอก 3 ตัวเลขผู้ป่วยและเสียชีวิตทะยาน อัตราการตายอยู่ที่ 0.1% เกือบครึ่งมาจากคนในครอบครัว อายุเฉลี่ยคนตาย ลดเหลือ 56 ปี พบคลัสเตอร์ที่โคราช จากงานเลี้ยงวันเกิดติด 47 ราย ลามไปอีก 6 คลัสเตอร์
วันที่ 22 เม.ย.64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า การวิเคราะห์คลัสเตอร์ในสัปดาห์นี้ พบว่า จ.นครราชสีมา มีการติดเชื้อ 5 กลุ่มก้อน ติดเชื้อ 71 คน จ.พระนครศรีอยุธยา 1 กลุ่มก้อน ติดเชื้อ 5 คน และจ.อ่างทอง 1 กลุ่มก้อน ติดเชื้อ 3 คน แม้จะลดลงแต่ตัวเลขยังเยอะพอสมควร โดยเฉพาะ จ.นครราชสีมา รวมกับ จ.ชัยภูมิ
กรมควบคุมโรควิเคราะห์พบ 7 คลัสเตอร์ก้อนใหญ่สุดคือ งานเลี้ยงวันเกิดที่ปากช่อง ติดไป 47 ราย รายแรกคือ กลุ่มเพื่อนไปเที่ยวมาจากเยาวราชและนำมาติด จนนำมาเกิดอีก 6 คลัสเตอร์ คือ โรงเหล้า อ.เมืองนครราชสีมา หมูกระทะ อ.เมืองนครราชสีมา คาราโอเกะ อ.เมืองนครราชสีมา ผับบาร์ อ.เมืองชัยภูมิ งานเลี้ยงทหารอากาศ อ.เมืองนครราชสีมา และครอบครัวบุคลากรทางการแพทย์ อ.เมืองชัยภูมิ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ศบค.ชุดเล็กนำข้อมูลที่กรมควบคุมโรคไปวิเคราะห์อัตราการเสียชีวิต เปรียบเทียบ 3 ระลอก คือ ระลอกแรก ตลอดปี 63 เสียชีวิต 67 คน เป็นคนไทย 58 ราย ต่างชาติ 9 ราย จากผู้ป่วย 6,772 ราย คิดเป็น 0.82%, ระลอกสอง ตั้งแต่ ม.ค.-มี.ค.64 เสียชีวิต 27 คน เป็นคนไทย 26 คน ต่างชาติ 1 คน จากผู้ป่วย 21,035 ราย คิดเป็น 0.13%
ระลอกสาม เม.ย.64 เดือนเดียว เสียชีวิต 16 คน เป็นคนไทย 15 คน ต่างชาติ 1 คน จากจำนวนผู้ป่วย 17,780 ราย คิดเป็น 0.1% โดยอัตราการเสียชีวิตสูงสุดยังอยู่ที่ระลอกแรก แต่จะเห็นว่าระลอกนี้ตัวเลขทะยานเพิ่มขึ้นมาก
สำหรับปัจจัยเสี่ยง ประวัติเสี่ยง มาจาก 3 ปัจจัย คือ สถานบันเทิง ทำงานในแหล่งชุมชน ตลาด ติดเชื้อจากคนในครอบครัว ซึ่งคล้ายกันทั้ง 3 ระลอก
ส่วนอายุเฉลี่ยผู้เสียชีวิต พบว่า ระลอกเม.ย.64 น้อยที่สุด คือ เฉลี่ย 56 ปี ระลอกสองอยู่ที่ 64 ปี และระลอกแรกอยู่ที่ 58 ปี แต่สัดส่วนแล้วยังอยู่ที่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป 50%
Advertisement
ส่วนการมีโรคประจำตัวเป็นความเสี่ยงเสียชีวิตของทุกระลอก ในระลอกแรกผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัว 64% ระลอกสอง 89% ระลอกนี้ 93%
“สิ่งสำคัญตอนนี้อยากให้เห็นว่าปัจจัยเสี่ยง แหล่งชุมชน สถานบริการต่างๆ เป็นความเสี่ยง เกือบครึ่งของผู้เสียชีวิตในปี 64 เกิดขึ้นจากการติดเชื้อกันของคนในครอบครัว ขอให้เป็นอุทาหรณ์ดูแลซึ่งกันและกัน ดูแลกันทั้งประเทศ เซฟคนที่เหลืออยู่ให้ปลอดภัย” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
