สถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-วันนี้ ตัวเลขเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 48,113 ราย มีผู้ป่วยอยู่ระหว่างรักษาตัว 19,873 ราย อาการหนักถึง 352 ราย ใช้เครืองช่วยหายใจ 91 ราย ตัวเลขสะสมผู้ป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดความเป็นห่วงว่าโรงพยาบาล จะไม่สามารถรับผู้ป่วยได้อีกต่อไป

ล่าสุด มีการแชร์โพสต์ของ นพ.ศุภโชค เกิดลาภ อาจารย์แพทย์สาขาอายุรกรรมโรคติดเชื้อ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งรายงานสถานการณ์ทางการแพทย์ขณะนี้ ว่า เป็นอย่างไรบ้าง หนักแค่ไหน

โพสต์ระบุว่า “อัพเดตสถานการณ์สัปดาห์ที่ 2 เข้า 3 จากนโยบายที่รัฐบาลเลือกที่จะไม่ lock down และยังให้เปิดการไปมาระหว่างจังหวัด ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะไม่สามารถจะทำการ lock down ได้อีกแล้ว ด้วยหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งถ้าทำ lock down อีกเศรษฐกิจก็จะยิ่งไปใหญ่ แต่ไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะถูกมองกันว่าอย่างไร แต่สิ่งที่เราพบต่อมาหลังจากนั้น 1 สัปดาห์ เราพบว่า

– ผู้ป่วยที่รับใหม่เริ่มเป็นวง 2 หมดแล้ว เป็นผู้สูงอายุ พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย มีโรคประจำตัวมากๆ แถมบางคนเป็นผู้ป่วยติดเตียงด้วย
– การติดเชื้อ ส่วนใหญ่เป็น contact confirm เคส นั่นก็คือลูกๆที่กลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ หรือปู่ย่าตายาย บางคนบอกว่าลูกหลานกลับมาจากเที่ยว หรือกลับมาช่วงเทศกาลสงกรานต์
– แต่ 2-3 วันมานี้คือ tracking ไม่ได้แล้วนะว่าไปติดมาจากไหน ใช้แต่อาการแสดงทาง clinical + lab + CXR ถามไม่ได้ความเสี่ยงอะไรเลย เอาจริงๆ มันก็คือ phase 3 แล้วแหล่ะ แต่รัฐบาลคงเลิกประกาศแล้วมั้ง และคนคงเลิกสนใจแล้วแหล่ะ

– ความพีคคือ มีหลายๆ ความยากลำบาก เช่น
– พ่อแม่บวก ลูกลบ แต่ลูกอายุ 3 เดือน
– ปู่ย่าบวก เป็นผู้ป่วยติดเตียง ลูกเอามาติด นอน ICU แต่ลูกอีกคนที่เป็น caregiver negative และนอนติดเตียง
– ตายายเป็นผู้ป่วยติดเตียง แต่เป็นลบ ลูกผู้ดูแลเป็นบวกและต้อง admit ไม่มีใครดูแลตายาย และไม่มีใครพาตายาไป swab เนื่องจากเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง
– คนไข้ที่นอนตั้งแต่ช่วงแรก 50-60% เป็น pneumonia ทั้งๆที่ admit ค่อนข้างเร็วแล้ว และ 10-20% อาการหนัก ต้องเข้า intermediate/ICU และบางส่วนต้อง intubation ไปถึงแม้จะพยายามให้ยา Favipiravir/dexamethasone ไปเร็วแค่ไหน แต่ถ้า co-morbid มากยังไงก็เอาไม่อยู่

– คนไข้เก่าขยับไม่ออก คนไข้ใหม่ก็เข้ามาไม่ได้ เกิดปรากฏการคอขวด ขึ้นมาเลยในหลายๆที่
– คนไข้ที่รออยู่บ้าน ซึ่ง 40-50% จะเกิด pneumonia มีคนไข้บางส่วนที่เริ่มเหนื่อย และได้รับการ admit ช้า (DOI8-9) และ delay treatment ทำให้คนไข้อาการหนักมาตั้งแต่แรกรับ และต้องเข้า intermediate/ICU มากกว่าเดิม เปิดเพิ่มเท่าไหร่ก็ไม่พอ (เพราะมีแต่เตียง ไม่มีคนพอ เราเรียกเตียงทิพย์)
– โรงพยาบาลต่างๆ เกิดปรากฏการณ์ “ป้อมแตก” มีคนไข้บวกใน ward ที่เป็น ward สามัญ หรือมีเจ้าหน้าที่ติดเชื้อมาจากบ้านโดยไม่ได้ตั้งใจ (อาจจะเพราะไปได้มาจากลูกหลาน, บางส่วนได้มาเพราะยังไปสถานที่ชุมนุมชนเช่น fitness เป็นต้น)

– มีเพื่อน คนรู้จัก หรือแพทย์/เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนที่ติดเชื้อ ส่วนใหญ่จะติดจากการสัมผัสผู้ติดเชื้อโดยที่เราไม่ทันทราบ และไม่ได้ตั้งใจ หลายๆคนใช้ชีวิตปลอดภัยมากแต่พลาดเพราะไม่รู้ว่าคนที่เราอยู่ใกล้ๆ นำพาเชื้อมา (เพราะไม่คิดว่าเค้าจะติดได้ เราเลยประมาท)
– เป็นช่วงที่เริ่มได้ notice ว่าให้ใช้ favipiravir ด้วยความจำกัดจำเขี่ยมากขึ้น จนทำให้เรากลัวเหลือเกินว่าจะมียาเหลือพอหรือไม่

และมันก็เกิดวงจรที่ไม่ควรเกิด => เตียงไม่พอ => admit ไม่ได้ => รออยู่บ้าน => อาการหนักเพราะ delay ยา=> ต้องใช้ยาเยอะกว่าเดิมและใช้ ICU => กินเตียงนาน => เตียงเต็มเตียงไม่พอ วนไปเป็นนิรันทร์
– นอกจากนี้พอทุกๆ ที่เกินศักยภาพ มีการประสานส่วนกลางเพื่อกระจายเคสหนักเข้า ICU ในแต่ละรพ.ที่มีศักยภาพ
– แต่เตียงก็มันเต็มมมมมมมมม จนอยากจะบอกว่ารับไม่ได้อ่า ฝ่ายจัดการเตียงและทรัพยากรก็หมุนกำลังเต็มที่ หมุนจนไม่คิดว่าเราจะทำได้ขนาดนี้
– เจ้าหน้าที่ทำงานหนักแบบ 200% ทุกภาคส่วนไม่เว้นแม้แต่บุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรอื่นๆนอกโรงพยาบาล

– บางโรงพยาบาลไม่สามารถรับเคสได้อีกเพราะเตียง “ล้น” บางโรงพยาบาลคนหายไปเพราะถูก quarantine หรือ ติดเชื้อไปบางส่วน
– การดูแลผู้ป่วย non covid เริ่มได้รับปัญหาเรื่อยๆ เพราะเกิดการ down size ระบบบริการเพื่อไปเทกับ COVID care
– สถานการณ์ที่เป็นแบบนี้ ยาที่เริ่มจำกัดจำเขี่ย เราก็ยังได้ยิน timeline ประหลาดๆ เช่น บุคคลชั้นสูงของบางกิจการติดเชื้อเป็นร้อยเพราะไปจ้างสาว PR มาจัดงานเลี้ยงในช่วงเวลาแบบนี้ เป็นต้น
– ข่าวผู้เสียชีวิตรายวันเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ช้าๆ

สุดท้าย ภาพที่เห็นในอนาคตนี้ช่างยากลำบากเหลือเกิน ขอให้ทุกท่านช่วยกัน และรีบร่วมมือหยุดวงจรเหล่านี้ เพราะถ้าไม่เช่นนั้น อาจจะมีวันที่เราไม่เหลือเตียงและยารักษา หวังว่าเบื้องบนระดับผู้ใหญ่ระดับประเทศจะเห็นพ้องตรงกันว่า นี่คือวิกฤตของประเทศแล้ว อาเมน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน