ศบค.เผยยังเจอลอบเล่นพนันติดเชื้อ พบ 2 ผู้ป่วยมาช่วงอาการหนัก-เสียชีวิตในวันเดียว ยอดโควิดใหม่ 1,630 ราย ใกล้เคียงยอดหาย 1,603 ราย ดับ 22 ราย
วันที่ 10 พ.ค. พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน ว่า สถานการณ์ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 158.9 ล้านราย เพิ่มขึ้น 6.49 แสนราย เสียชีวิตสะสม 3.3 ล้านราย เพิ่มขึ้น 1.02 หมื่นราย
ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,630 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาล 1,321 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 301 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 8 ราย หายเพิ่มขึ้น 1,603 ราย เสียชีวิต 22 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 85,005 ราย หายป่วยสะสม 55,208 ราย เสียชีวิตสะสม 421 ราย
สำหรับระลอกใหม่ตั้งแต่เดือนเม.ย. มีผู้ติดเชื้อสะสม 56,142 ราย หายสะสม 27,782 ราย เสียชีวิตสะสม 327 ราย วันนี้คนหายมากกว่าป่วยอีกวันหนึ่ง ทำให้ยังอยู่ระหว่างรักษา 29,376 ราย อาการหนัก 1,151 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ 389 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิต 22 ราย เป็นชาย 9 ราย หญิง 13 ราย อายุระหว่าง 30-92 ปี ค่ากลาง 65 ปี โดยอยู่ใน กทม. 13 ราย เชียงใหม่ 2 ราย ปทุมธานี สุพรรณบุรี ระยอง สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ขอนแก่น และมหาสารคาม จังหวัดละ 1 ราย พบว่ามีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ มะเร็ง ไต ผู้ป่วยติดเตียง
สะท้อนว่าผู้อาศัยร่วมผู้ป่วยติดเตียงทำให้ติดเชื้อในครอบครัว ทำให้ผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวเสี่ยงเสียชีวิต โดยวันที่ทราบผลติดเชื้อจนเสียชีวิต วันนี้พบว่าในจำนวน 22 ราย มีถึง 2 รายที่เสียชีวิตในวันเดียว หลังทราบผลการติดเชื้อ หมายถึงว่าได้มาถึงโรงพยาบาล ถึงมือแพทย์ในอาการหนักรุนแรง และเสียชีวิตในวันเดียวกัน อีก 7 รายเสียชีวิตภายใน 1 สัปดาห์หลังทราบผลติดเชื้อ
“เมื่อมีอาการทางเดินหายใจ ไข้ หรือประวัติใกล้ชิดบุคคลเสี่ยง ยืนยันติดเชื้อ หรือไปพื้นที่เสี่ยง ขอให้เข้าสู่ระบบคัดกรองโดยเร็ว จะได้มาถึงโรงพยาบาลด้วยอาการไม่หนัก และสามารถช่วยชีวิตได้” พญ.อภิสมัยกล่าว
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ทิศทางกราฟผู้ป่วยรายใหม่เริ่มปักหัวลง ส่วนปัจจัยเสี่ยงขณะนี้สถานบันเทิงลดลงทั้งประเทศ แต่การติดเชื้อมักอยู่ในส่วนของครอบครัว เพื่อน ผู้ดูแลใกล้ชิด เดินทางไปในตลาด ชุมชน และขนส่ง ส่วนปัจจัยเสี่ยงอื่น เช่น การรวมกลุ่มในสถานที่แออัด สถานที่ชุมชน ไปร่วมงานศพ งานประเพณี งานบวช ทำงานในสถานที่เดียวกัน มีการจัดประชุม รับประทานอาหารร่วมกัน
มีการรายงานผู้ลักลอบเล่นพนัน บ่อนไก่ สนามชนโค เปิดโต๊ะสนุกเกอร์ มีรายงานเป็นระยะ รวมถึงอาชีพเสี่ยง บุคคลสาธารณะ ตำรวจ บุคลากรทางการแพทย์ ทหาร ที่มีภาระงานสัมผัสคนหมู่มาก อยู่ในสถานที่เสี่ยง สถานที่ที่มีรายงานปัจจัยเสี่ยง ทั้งทัณฑสถาน ห้างสรรพสินค้า และธนาคาร
“ที่เราเน้นย้ำเสมอคือการติดเชื้อในครอบครัว เพื่อน ผู้ดูแลใกล้ชิด สถานที่ชุมชน อาชีพเสี่ยง อย่างที่เสียชีวิตวันนี้มีคนขับรถสาธารณะรวมอยู่ด้วย หากมีประวัติลักษณะนี้ อาการเสี่ยง อาการทางเดินหายใจ ให้ไปรับการตรวจฟรี” พญ.อภิสมัยกล่าว
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ผู้ติดเชื้อเดินทางจากต่างประเทศ 8 ราย ได้แก่ อินเดีย รัสเซีย ไอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา โครเอเชีย กาตาร์ ตุรกี และบาห์เรน ประเทศละ 1 ราย โดยอินเดียรายนี้มาตั้งแต่ 17 เม.ย. ตรวจพบเชื้อวันที่ 21 เม.ย. ซึ่งล่าช้าจากการเคลียร์ข้อมูล เราพยายามเฝ้าระวังการเดินทางจากอินเดียที่มีสายพันธุ์อินเดีย ตอนนี้คนต่างชาติที่เดินทางจากอินเดียไม่มีแล้ว เป็นการพาคนไทยกลับบ้าน
วันที่ 8 พ.ค. ที่มีไฟลต์เข้ามาเป็นคนไทยทั้งหมด 74 คน เป็นชาย 54 คน หญิง 20 คน ทุกคนรับการดูแลในสถานที่รัฐจัดให้ทั้งหมด และกระทรวงการต่างประเทศชะลอการออกเอกสารอนุญาตเข้าประเทศจากอินเดียตั้งแต่เดือนพ.ค. และพิจารณาเพิ่ม โดยกรมควบคุมโรคและกระทรวงการต่างประเทศหารือกัน มีการรายงานว่า การแพร่สายพันธุ์อินเดียไม่ได้อยู่แค่อินเดีย อยู่ที่ปากีสถาน บังกลาเทศ และเนปาล ก็จะหารือกันและรายงานให้ทราบ
“พ.ค.นี้มีเที่ยวบินจากอินเดียแค่วันที่ 8 , 15 และ 22 รวม 4 ไฟลต์ใน 3 วันนี้ เน้นย้ำว่าการเดินทางอย่างถูกต้อง ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมในสถานกักกัน ไม่ให้แพร่กระจายเชื้อ และคนไทยต้องตรวจคัดกรองโควิด 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง คัดกรองอาการไข้ที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ มีการระบุเรื่องเชื้อกลายพันธุ์ด้วย ถ้ามาอย่างถูกต้องเข้าระบบดูและมีมาตรฐานไม่ห่วง ห่วงการลักลอบเข้าเมือง ” พญ.อภิสมัยกล่าว
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ช่วง 24 ชั่วโมง มีรายงานสกัดกั้นการลักลอบมาถึง 104 ราย ทั้งพรมแดนลาว เมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย บุคลากรลาดตระเวนและตรวจจับได้ ส่วนวันที่ 1-10 พ.ค.มีลักลอบถึง 1,126 คน เน้นย้ำฝ่ายปกครองให้ป้องกันการเข้าประเทศทางชายแดน สิ่งสำคัญขอความร่วมมือคนไทยกลับบ้าน ทำตามระบบมาตรฐาน แต่คนลักลอบจริงๆ อาจไม่ร่วมมือ ขอประชาชน ผู้นำชุมชนให้ช่วยเป็นหูเป็นตา พบเห็นให้รีบแจ้ง มีการพูดคุยถึงการระดมฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรด่านหน้า เช่น ด่าน ตำรวจ ทหาร ที่ทำงานตามแนวตะเข็บชายแดน