ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์ ครองเตียงในพื้นที่ กทม. หลังผู้ป่วยยังเพิ่มวันละนับพันคน พบกลุ่มผู้ป่วยอาการหนักขึ้น ต้องการเตียงรักษาเพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ ทำเนียบรัฐบาล นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตอบคำถามในการแถลงของ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ว่า ขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อเกือบ 2,000 รายต่อวัน ถือว่าตัวเลขสูง และไม่อยากให้เกิดขึ้น โดยพบว่า การระบาดรอบเดือน เม.ย.64 ผู้ติดเชื้ออาการรุนแรงขึ้น ต้องการการรักษาจำนวนมาก แม้ว่า กทม. มีสถานพยาบาลจำนวนมาก แต่สัดส่วนประชากรติดเชื้อที่สูงทำให้เกิดปัญหาใน กทม. ซึ่ง สธ. ดูแลผู้ป่วยทั้งประเทศ กำลังคนอยู่นอกพื้นที่ กทม.เป็นส่วนใหญ่ แต่จะให้ความร่วมมือควบคุมโรคกับกทม.เต็มที่

“ข้อมูลจากที่ประชุมอีโอซี ของสธ. พบว่า กทม.และปริมณฑล มีการระบาดในระดับสูงแต่ยังชะลอตัวอยู่ คิดเป็น 70% แต่ในทางจังหวัดที่เหลือ คิดเป็น 30% สามารถควบคุมโรคได้แล้ว กราฟตัวเลขชะลอตัวลง ดังนั้น ปัญหายังอยู่ใน กทม.ปริมณฑล ติดเชื้อวันละพันราย เนื่องจากลักษณะสังคมเมือง การติดเชื้อกระจายสูง การควบคุมทำได้ลำบาก แต่เราต้องหายุทธศาสตร์เข้าไปควบคุม แต่ต่างจังหวัดจะเป็นสะเก็ดไฟ เป็นไฟลามทุ่ง ลักษณะคลัสเตอร์และเราเข้าไปจัดการได้ค่อนข้างดี” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

ห่วง กทม.ติดเชื้อไม่ลด ผู้ป่วยกลุ่มแดง-เหลือง ไร้เตียง หวังรพ.บุษราคัมแก้ไหว

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สธ. แบ่งสัดส่วนผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มสีเขียว ผู้ป่วยไม่มีอาการหรืออาการน้อย ซึ่งเมื่อก่อนจะมีจำนวนมากและไม่เป็นอะไรมาก สีเหลือง ผู้ป่วยอาการปานกลาง เช่น ไอ หอบ บางรายก็พัฒนาเป็นสีแดง ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ การระบาดครั้งนี้ พบว่า มีผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวส่วนหนึ่งที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีแดง และสีเหลืองเปลี่ยนเป็นสีแดง

ฉะนั้น แม้เราจะมีเตียงใน กทม. กว่า 2.6 หมื่นเตียงที่ดูแลผู้ป่วย แต่มีการครองเตียงของกลุ่มสีเหลืองและสีแดงแล้ว 60% ในส่วนที่ยังว่างคือผู้ป่วยสีเขียว ดังนั้น ผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง ที่ต้องนอนในรพ.ก็จะมีเตียงจำกัด โดยเฉพาะสีแดงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษด้วยเตียงไอซียูในรพ.ขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งใน กทม.เรามีเกือบ 1 พันเตียง ขณะนี้ ก็ใช้เกือบเต็มแล้ว ว่างอยู่ 100 กว่าเตียง

“หากเรายังมีอัตราติดเชื้ออย่างนี้อยู่ ก็จะทำให้ผู้ป่วยสีแดงเต็มเร็ว ภายใน 2 สัปดาห์หลังจากนี้ ขณะที่สีเหลืองก็เช่นเดียวกัน แม้เราจะมีเตียงว่างอยู่ แต่ต้องเตรียมการรองรับ ส่วนกลุ่มสีเขียวคาดว่า ไม่มีปัญหา” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ทางสำนักงานปลัด สธ. จึงเข้าไปช่วยเหลืองานของกทม. เราพบว่า กลุ่มสีแดงที่ต้องอยู่ใน รพ. แต่เราไม่มีสถานพยาบาลสังกัดของเราใน กทม. ส่วนสีเขียวเราก็ดูแลได้ ฉะนั้นช่องว่าง คือ สีเหลืองอาการปานกลาง ไอ ไข้ มีความเสี่ยงอื่นๆ ที่ต้องการเตียง ทาง สธ. ก็เข้ามาจัดตั้ง “โรงพยาบาลบุษราคัม” แปลว่าสีเหลือง ที่ อิมแพค เมืองทองธานี รองรับประมาณ 3-5 พันเตียง ที่ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของสถานที่โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 2 เดือน พร้อมได้รับบริจาคอีกจำนวนมาก เช่น เตียง ที่นอน อุปกรณ์ต่างๆ และมีบุคลากรมาจากเขตสุขภาพที่ 4-5 ช่วยดูแล

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า รพ.บุษราคัม ไม่ใช่ รพ.สนาม และมีมาตรฐานเดียวกับสถานพยาบาล โดยมีรพ.พระนั่งเกล้า เป็นสถานพยาบาลหลักคอยดูแล มีเครื่องปรับอากาศ มีพยาบาลดูแลตลลอด มีไวไฟใช้ฟรี และมีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ทำให้คนไปอยู่ 10-14 วันรู้สึกว่าใช้เวลาไม่นาน โดยเรากั้นพื้นที่เป็นห้อง เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ผู้ป่วย มีห้องน้ำ ห้องแล็บ เครื่องออกซิเจน เครื่องเอกซเรย์ปอด

โดยมี 270 เตียงที่ติดตั้งเครื่องให้ออกซิเจนไว้สำหรับผู้ป่วยสีเหลืองเข้ม มีเครื่องออกซิเจนไฮโฟลว์(Oxygen High Flow) สำหรับผู้ป่วยที่หายใจด้วยตัวเองลำบากระดับก่อนเข้าไอซียู นอกจากนั้น ก็มีห้องความดันลบ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมาก อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกจะสามารถรองรับได้ 1,292 เตียง สามารถขยายได้อีก 2 เฟส เฟสละ 1,292 เตียง สูงสุด 5,000 เตียง และคาดว่าจะเปิดให้บริการวันที่ 15 พ.ค. โดยมีท่านนากยกฯ เป็นประธานเปิด และช่วงบ่ายเราก็จะนำผู้ป่วยเข้าพักทันที

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้ กทม. ได้คัดกรองเชิงรุกในชุมชน ซึ่งพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมา หากเป็นสีเขียว ก็จะเข้าพักในรพ.สนาม สีเหลือง ก็จะมาอยู่ใน รพ.บุษราคัม ซึ่งเราก็จะรับผู้ป่วยสีเหลืองในรพ. ออกมา เพื่อให้มีเตียงสำหรับผู้ป่วยสีแดงมากขึ้น ซึ่งตรงนี้จะเป็นทางออกที่ดี อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยสีเหลืองใน รพ.บุษราคัม ที่พัฒนาเป็นสีแดง ที่ต้องใช้ท่อช่วยหายใจ เราก็จะส่งต่อไปยัง รพ.ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงฯ เช่น สระบุรี อยุธยา อ่างทอง สุพรรณบุรี ซึ่งยังมีเตียงว่างสำหรับผู้ป่วยสีแดง

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า หากผู้ป่วยที่อยู่ในรพ.บุษราคัม อาการดีขึ้นแต่ก็ยังถือเป็นกลุ่มสีเหลือง เราก็จะไม่ได้ย้ายออกไปไหน เพื่อลดการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย นอกจากจะย้ายกลุ่มสีเหลืองที่กลายเป็นสีแดง เข้าไปอยู่ในรพ. ซึ่งในระยะต่อไปเราจะปรับให้รพ.บุษราคัม เป็นศูนย์แรกรับผู้ป่วย เหมือนกับที่อาคารนิมิบุตร รับผู้ป่วยที่มีผลบวกแต่ไม่มีเตียง ก็สามารถเดินทางไปที่ศูนย์ได้ ซึ่งเป็นการต่อยอดในอนาคต เพื่อรองรับผู้ป่วยในกทม.และปริมณฑลให้มากขึ้น ช่วยเหลือภาระงานของกทม.ให้มากที่สุด

“เราจะไม่ปล่อยทิ้งคนไข้ เราต้องสู้ให้ถึงที่สุด และเราหวังว่า รพ.บุษราคัม จะเข้ามาเติมเต็ม ช่วยแก้ปัญหาของกทม.ในกลุ่มผู้ป่วยสีเหลืองที่ต้องการเตียงอีกจำนวนมาก ทั้งนี้ การตรวจพบเชื้อในผู้ป่วย ทางรพ.ที่เป็นเจ้าของไข้ ก็จะรับเข้ารักษา เช่นเดียวกับของกทม. แต่สำหรับผู้ป่วยที่ตรวจหาเชื้อในแล็บเอกชน ที่มีผลบวกแต่หาเตียงไม่ได้ ก็สามารถเดินทางมาที่รพ.บุษราคัม ได้ เพื่อคัดกรองส่งต่อ” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน