นักโทษติดโควิดเพิ่ม 842 ราย รวมสะสม 14,891 อธิบดีราชทัณฑ์ กำชับเข้มคนส่งอาหารเข้าคุก ต้องสวมชุด PPE ใส่เฟซชิลด์ ใช้เวลาส่งให้น้อยที่สุด

เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2564 ที่กรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี นายอายุตม์ สินธพพันธ์ุ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในเรือนจำและทัณฑสถาน ข้อมูล ณ วันที่ 21 พ.ค. 2564 เวลา 11.00 น. มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้ จำนวน 842 ราย รักษาหาย 319 ราย รวมผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการรักษา 14,049 ราย และพบการติดเชื้อรายใหม่ในทัณฑสถานหญิงธนบุรี ทำให้มีเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศที่พบผู้ติดเชื้ออยู่ จำนวน 12 แห่ง ดังนี้

1. เรือนจำกลางเชียงใหม่ ติดเชื้อรายใหม่ 4 ราย รักษาหายเพิ่ม 8 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 3,588 ราย
2. เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย รักษาหายเพิ่ม 299 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 2,560 ราย
3.ทัณฑสถานหญิงกลาง ติดเชื้อรายใหม่ 17 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 1,393 ราย
4.เรือนจำกลางคลองเปรม ติดเชื้อรายใหม่ 475 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 2,125 ราย
5.เรือนจำพิเศษธนบุรี อยู่ระหว่างการรักษา 2,830 ราย
6.เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ติดเชื้อรายใหม่ 20 รักษาหายเพิ่ม 11 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 91 ราย

7.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ติดเชื้อรายใหม่ 380 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 101 ราย
8.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ติดเชื้อรายใหม่ 18 ราย รักษาหายเพิ่ม 1 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 383 ราย
9.เรือนจำกลางบางขวาง ติดเชื้อรายใหม่ 210 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 915 ราย
10.เรือนจำพิเศษมีนบุรี อยู่ระหว่างการรักษา 2 ราย
11.เรือนจำกลางสมุทรปราการ อยู่ระหว่างการรักษา 2 ราย
12.ทัณฑสถานหญิงธนบุรี ติดเชื้อรายใหม่ 59 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 59 ราย รวมมีผู้ต้องขัง ติดเชื้อรายใหม่ 842 รักษาหายเพิ่ม 319 อยู่ระหว่างการรักษา 14,049 ราย

นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน มีการตรวจเชื้อในผู้ต้องขังแล้วจำนวน 36,627 ราย ตรวจครบ 100% จำนวน 8 แห่ง คือ 1.เรือนจำกลางเชียงใหม่ 2.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 3.ทัณฑสถานหญิงกลาง 4.เรือนจำกลางคลองเปรม 5.เรือนจำพิเศษธนบุรี 6.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง 7.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และ 8.ทัณฑสถานหญิงธนบุรี โดยยังอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจหาเชื้อให้ครบ 100% ในเรือนจำกลุ่มเสี่ยงเพิ่ม รวมถึงการ SWAB หาเชื้อซ้ำทุกๆ 7 วันในกลุ่มที่ยังไม่พบเชื้อ จนกว่าสถานการณ์จะปกติ

นายอายุตม์ กล่าวด้วยว่า สำหรับความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีน ตามที่ได้รับแจ้งยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุข ว่าพร้อมฉีดวัคซีน โดยเริ่มจากกลุ่มผู้ต้องขังที่ยังไม่ติดเชื้อ ผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว เพื่อลดความรุนแรงของโรค และลดอัตราการเสียชีวิต ทั้งนี้เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในเรือนจำและทัณฑสถานเขตกรุงเทพมหานครไปแล้ว 95% (1,683 ราย จากทั้งหมด 1,770 ราย) สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในส่วนภูมิภาค จะเป็นการดำเนินการโดยสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ในการดำเนินการฉีดวัคซีน

ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้สั่งการให้เรือนจำ/ทัณฑสถาน ดำเนินการป้องกันการติดเชื้อจากบุคคลภายนอก โดยเฉพาะการส่งอาหาร ด้วยการให้ผู้ส่งอาหารสวมชุด PPE พร้อมสวมหน้ากากอนามัย และ Face Shield ให้พร้อม โดยต้องเข้า-ออกเพื่อส่งสินค้าให้เร็วและใช้เวลาน้อยที่สุด ส่วนผู้ต้องขังที่เป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ที่ทำหน้าที่ส่งอาหารไปแดนต่างๆ ก็ต้องสวมชุด PPE เพื่อป้องกันการแพร่เชื้ออีกทาง

นายอายุตม์ กล่าวอีกว่า กรมราชทัณฑ์ ขอขอบคุณความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้เข้ามาช่วยสนับสนุนการดำเนินการ เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงการสนับสนุนสิ่งของต่างๆ ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนที่ร่วมบริจาคให้แก่กรมราชทัณฑ์ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตลอดจนเรือนจำทัณฑสถานทั่วประเทศ ซึ่งเครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งของที่ได้รับมา กรมราชทัณฑ์จะส่งมอบต่อไปยังเรือนจำ/ทัณฑสถานต่างๆ ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ต้องขังทุกคน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน